2009-05-29

แหนมเนือง

แหนมเนือง

ส่วนผสม
1.เนื้อหมู (ส่วนสะโพก) หั่น 80 กรัม
2.มันหมูบด 20 กรัม
3.หอมแดง 20 กรัม
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5.พริกไทยดำ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูและมันหมูบด แช่เย็นประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำเนื้อหมูและมันหมูบดที่แช่เย็นแล้วมาตีด้วยเครื่องบดความเร็วสูงให้ละเอียด
2. ใส่หอมแดง เกลือ พริกไทยดำ ตีเข้าด้วยกันใช้ความเร็วสูงตีให้ละเอียด เวลา 30 วินาที
3. นำกลับไปแช่เย็นอีกครั้ง เวลาครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นนำออกมาปั้นเป็นลูกแล้วไปย่างไฟ ใช้ไฟอ่อนๆให้สุกทั่วถึงกันเครื่องเคียงกระเทียมปอกเปลือก, กล้วยดิบ, มะเฟืองเปรี้ยว, พริกขี้หนู, แตงกวา, แผ่นแป้งแหนมเนือง

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1.มันฝรั่งต้มบด 100 กรัม
2.น้ำตาลทราย 50 กรัม
3.เต้าเจี้ยวอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ
5.ถั่วลิสงบด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำทุกอย่างมาต้มรวมกัน (ยกเว้นถั่วลิสงบด) ปรุงรสชาติให้มีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ตามชอบ
2. ปล่อยให้เย็น นำมาปั่นอีกครั้ง ตักเสิร์ฟโรยด้วยถั่วลิสงบด

2009-05-26

ยำมะระกุ้งสด

ยำมะระกุ้งสด

เครื่องปรุง
1.มะระ 1/2 ลูก
2.กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว
3.หอมแดงซอย 3 หัว
4.พริกขี้หนู 5 เม็ด
5.น้ำมะนาว 1 ช้อน
6.น้ำปลา 1 ช้อน
7.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
8.มะเขือเทศ ผักกาดหอม แครอทหั่นฝอย ตกแต่งจาน

วิธีทำ
1. นำมะระที่ผ่าครึ่งตามแนวนอนแล้วหั่นบางๆ ลงลวกในน้ำเดือดจนสุก แล้วตักออกพักไว้
2. เอากุ้งแชบ๊วยที่ผ่าหลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วลงไปลวกให้สุกเช่นกัน พักไว้
3. ทำน้ำยำโดย ตำพริกขี้หนูแล้วนำเอาเครื่องปรุงส่วนผสมอื่นๆ มาใส่รวมกัน
4. แล้วนำน้ำยำมาคลุกกับกุ้งและมะระให้ทั่ว ชิมรสชาติให้กลมกล่อม ออกรสเปรี้ยว หวาน เค็ม
5. ตกแต่งจานด้วยมะเขือเทศ ผักกาดหอม และแครอท แล้วเสิร์ฟได้ทันทีสำหรับคนที่กลัวว่ามะระจะขมจัดจนกินไม่ได้นั้นมีคำแนะนำว่า ต้องรอให้น้ำเดือดจัดๆ เสียก่อนแล้วจึงนำมะระไปลวก รับรองว่า “ยำมะระกุ้งสด” จานนี้อร่อยเด็ดแน่ๆ

2009-05-22

ข้าวยำปักษ์ใต้

ข้าวยำปักษ์ใต้

เครื่องปรุง :
ข้าวสวย 6 1/2 ถ้วยตวง 780กรัม
ข้าวตากแห้งทอด 3 ถ้วยตวง 167กรัม
กุ้งแห้งป่น 1 1/2 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ 73 กรัม
มะพร้าวขูดคั่ว 1 1/0 ถ้วยตวง + 1 ช้อนโต๊ะ 96กรัม
น้ำมะนาว 5/6 ถ้วยตวง 96กรัม
พริกป่น 5/6 ช้อนโต๊ะ 8.3กรัม
น้ำบูดูปรุงรส 3/4 ถ้วยตวง + ช้อนโต๊ะ 250 กรัม
ผักสด / ผลไม้ถั่วฝักยาวซอยบาง 3 1/2 ถ้วยตวง 249 กรัม
ถั่วงอกเด็ดหาง 5 1/4 ถ้วยตวง 395กรัม
แตงกวาผ่าสี่ 1 5/6 ถ้วยตวง 181กรัม
ใบมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง 11กรัม
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ถ้วยตวง + 3 ช้อนโต๊ะ 120 กรัม
ใบชะพลูหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง 27กรัม
ส้มโอแกะเป็นกลีบเล็กๆ 3 3/4 ถ้วยตวง 454กรัม

ส่วนผสมน้ำบูดูปรุงรส
น้ำบูดูเค็ม 1/2 ถ้วยตวง 125 กรัม
น้ำตาลปี๊ป 1 ถ้วยตวง + 1 ช้อนชา 190กรัม
ตะไคร้ทุบ (หั่นเป็นท่อน) 14 ท่อน (ขนาดยาว 3 เซนติเมตร) 30 กรัม
ข่าทุบ (หั่นเป็นท่อน) 11 ท่อน 18กรัม
ใบมะกรูด 10 ใบ 3.7กรัม
หัวหอมแดงทุบ 1/3 ถ้วยตวง 57.7กรัม
น้ำ 2 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ 505กรัม

วิธีทำน้ำบูดู
-ตวงน้ำบูดูเค็มกับน้ำเปล่าใส่ภาชนะ ใส่ตะไคร้ทุบ (หั่นเป็นท่อน) ข่าทุบ หัวหอมแดงทุบ ใบมะกรูด น้ำตาลปี๊ป ต้มจนเดือดประมาณ 30 นาที ยกลงกรองเอากากทิ้ง
-นำไปเคี่ยวต่ออีก 45 นาที ใช้ไฟอ่อน แล้วตั้งทิ้งให้เย็น กรอกใส่ขวดเก็บไว้รับประทานวิธีเตรียมเครื่องข้าวยำ
-หุงข้าวให้สวย
-มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง ทิ้งให้เย็นเก็บในภาชนะมีฝาปิดจะได้กรอบ
-กุ้งแห้ง พริกขี้หนูแห้งป่นละเอียด
-นำข้าวตากแห้งมาทอดพอเหลือง ผึ่งให้เย็น และสะเด็ดน้ำมันเก็บในภาชนะมีฝาปิดจะได้กรอบ
- ผักสด / ผลไม้ นำมาหั่นซอย หรือหั่นบางๆ ตามชนิดของผัก ถ้าเป็นส้มโอ แกะเป็นกลีบเล็กๆ
-ตักข้าวใส่จานใส่ข้าวทอด มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ผักต่างๆ และส้มโอไว้รอบๆข้าวสวย ใส่พริกป่นคลุกให้เข้ากัน เมื่อพร้อมรับประทานจึงราดด้วยน้ำบูดู (ปริมาณของเครื่องปรุงข้าวยำมีหลายอย่างต้องจัดให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ เมื่อคลุกแล้วจะรับประทานได้รสกลมกล่อมพอดี)

หมายเหตุ
-ส่วนผสมของน้ำบูดูปรุงรส เช่น ตะไคร้ ข่า หอมแดง ใบมะกรูด น้ำตาลปี๊ปจะช่วยให้น้ำบูดูมีกลิ่นหอม ไม่เหม็นคาวช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้
-ลักษณะของน้ำบูดูปรุงรสจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีรสเค็มและหวานมีความเหนียวคล้ายน้ำตาลไหม้
-น้ำบูดูเค็มบรรจุขวดมีขายตามร้านอาหารชาวใต้ทั่วไปสามารถซื้อนำมาปรุงรสเองได้หรือต้องการชนิดปรุงสำเร็จก็มีบรรจุขวดขาย-ผักที่ใช้รับประทาน ควรเป็นผักสดจะได้รสหวานของผักและความกรอบ
-ส้มโอควรเป็นส้มโอที่มีรสเปรี้ยวตำรับนี้รับประทานได้ ประมาณ 13 คนข้าวยำปักษ์ใต้ ประมาณ 2660 กรัม น้ำบูดูปรุงรส ประมาณ 260 กรัม1 หน่วยบริโภค = ประกอบด้วย ข้าวสาร 60 กรัม ผัก / ผลไม้สด = 110 กรัม น้ำบูดูปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ (~20 กรัม) เครื่องเคียงอื่นๆ = 30 กรัม

2009-05-21

ปลาหมึกผัดเผ็ด

ปลาหมึกผัดเผ็ด

เครื่องปรุง
ปลาหมึกสด 3 – 5 ขีด
พริกแห้ง 7 เม็ด
ข่า หั่น 1/2 ช้อนชา
ตะไคร้ หั่น 1 ช้อนโต๊ะ
หอม 3 หัว
กะปิ 1/2 ช้อนชา
กระเทียม 1 หัว
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ผิวมะกรูด หั่น 1/2 ช้อนชา
ใบกะเพรา 14 ถ้วย
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำปลา 1.1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย

วิธีทำ
เอาพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม เกลือ กะปิ โขลกให้ละเอียด ปลาหมึกล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ใช้มีกกรีดไขว้กันเป็นตาราง กระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันเอาเครื่องน้ำพริกลงผัดให้หอม แล้วเอาปลาหมึกลงผัดต่อพอสุกใส่น้ำลงผสม ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล พอจะยกลงใส่ใบกะเพราลงผัดด้วย

2009-05-19

Gai Toon Sauce King (ไก่ตุ๋นซอสขิง - Stewed Chicken with Ginger Sauce)

Gai Toon Sauce King (ไก่ตุ๋นซอสขิง - Stewed Chicken with Ginger Sauce)


Ingredients
6-8 pieces of chicken drumsticks or thighs
350 grams ginger, sliced
350 grams carrot, cut into well pieces
1/2 onion, cut into well pieces
100 grams scallion, chopped
3-5 chilies, chopped
2 tablespoons oyster sauce
2 tablespoons soy sauce
2 tablespoons cooking wine
1 tablespoon sugar
2 cups water
cooking oil
coriander leaves (for garnishing)

Preparations
1. Heat oil in a wok. Wait until hot then add the chicken. Fried until nearly cooked then remove and drain.
2. In a big pot, heat water until hot. Add soy sauce, oyster sauce, sugar, cooking wine. Stir until all mixed well.
3. Add fried chicken, ginger, onion and carrot. Wait until boiling, then turn down the heat to low level. Simmer for at least 30 minutes.
4. Add scallion and chilies. Leave it for 3 minutes then remove the pot from heat. 5. Transfer stewed chicken to the serving plate. Garnish with coriander leaves and fresh scallion. Serve immediately with hot steamed rice.

2009-05-18

กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

พริกขี้หนู เป็นพริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอมมากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่าถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้นอาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

เครื่องปรุง
1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด

2. เห็ดหอมสด 1 ขีด
3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ
4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด

2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัดเติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จานกินกับข้าวกล้องร้อนๆ

กุ้งผัดกระเทียมจานนี้จะมีกลิ่นหอมมากกว่าธรรมดา เพราะว่าเราใช้กุ้งย่างแทนกุ้งสด

กระเทียม - ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียพริกขี้หนู - มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวช่วยป้องกันโรคหัวใจ เลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือดเห็ดหอม - สามารถยับยั้งโรคมะเร็งกุ้ง - เพิ่มน้ำนมข้าวกล้อง - มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา


2009-05-15

ผัดผักรวมกับงา

ผัดผักรวมกับงา

เครื่องปรุง
กุ้งแชบ๊วยหั่นชิ้น 100 กรัม
เห็ดฟาง 5 ดอก
กะหล่ำปลี 1/4 หัว
ผักไผ่หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 3 หัว
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ล้องเห็ดฟาง กะหล่ำปลี เฉือนเอาโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก หั่นเป็นชิ้นบางตามยาว กะหล่ำปลีหั่นหยาบๆ
2. ต้มน้ำให้เดือด ลวกเห็ดฟางและกะหล่ำปลีพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้
3. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันมะกอกให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล
4. ใส่เนื้อกุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ยกลง ใส่น้ำมะนาว เคลาให้เข้ากันเป็นน้ำยำ
5. เมื่อจะรับประทาน ใส่ผักลวกลงในอ่างผสม ใส่ผักไผ่และน้ำยา เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรงงาขาว เสิร์ฟ


คุณค่าทางอาหาร
งา เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์
สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อย ชาวมังสวิรัติจึงใส่งาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น

ในเมล็ดงามีน้ำมันมาก จึงสกัดออกมาเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น

งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญโดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง อีกทั้งยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิเจนแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง

เลือกซื้อเมล็ดงาดำและงาขาวที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อซึ้อมาแล้วให้เก็บใส่ขวด ปิดฝา เมื่อจะใช้ให้คั่วในปริมาณที่พอใช้ เท่านั้น เพราะถ้าคั่วทิ้งไว้กลิ่นจะไม่หอมและเหม็นหืน

2009-05-13

แกงเลียงข้าวโพด

แกงเลียงข้าวโพด

เครื่องปรุง
ข้าวโพดฝานเอาเมล็ด 1 1/2 ถ้วย
กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว

กุ้งแห้งโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
บวบหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
แมงลักเด็ดเป็นใบ 1/4 ถ้วย
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
พริกไทยเม็ด 5 เม็ด
น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 2 ช้อนชา
น้ำซุปไก่ 2 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. โขลกหอมแดง พริกไทย กุ้งแห้ง กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ชักเส้นดำออก
3. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องที่โขลกในข้อ 1 คนให้ทั่ว
4. ใส่ข้าวโพดลงในหม้อ เคี่ยวพอข้าวโพดสุก ใส่ฟักทอง บวบ พอผักสุก ใส่กุ้ง
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ใบแมงลัก คนพอทั่ว ตักใส่ชาม เสิร์ฟร้อนๆ

คุณค่าของอาหาร
1. ข้าวโพด มีวิตามินเอ และเส้นใยอาหารมาก แก้อาการปัสสาวะลำบาก บำรุงกระเพาะ
2. กุ้ง เพิ่มน้ำนม
3. บวบ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำดี
4. แมงลัก แก้ท้องผูก
5. หอมแดง เป็นยาช่วยขับลมในลำไล้ ใช้แก้หวัด
6. พริกไทย แก้โรคปอดบวมในท้อง

หมายเหตุ อาหารจานนี้ ไม่เพียงมีโคลีนที่ได้จากข้าวโพดเท่านั้น ยังได้แคลเซียมจากกะปิสารลูตินและซีแซนตินในพริกไทย ซึ่งสารซีแซนตินนี้จะช่วยป้องกันความเสื่อมของเนื้อเยื่อดวงตาและถ้ากินแกงเลียงถ้วยนี้แล้ว ก็รับรองว่าช่วยไล่หวัดได้อย่างดีอีกด้วย

2009-05-11

แกงฟักทองใส่ใบแมงลัก

แกงฟักทองใส่ใบแมงลัก

เครื่องปรุง
1. ฟักทองหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
2. หมูสับ 1/4 ถ้วย
3. กุ้งสับ 2 ช้อนโต๊ะ
4. ปลาหมึกสับ 2 ช้อนโต๊ะ
5. แมงลักเด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย
6. กระเทียมบุบ 2 กลีบ
7. พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
9. น้ำปลา 21/2 ช้อนโต๊
10. น้ำซุป 2 ถ้วย

วิธีทำ

1. ผสมหมู กุ้ง ปลาหมึก ใส่พริกไทย ใส่น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ เคล้าให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำซุปลงหม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่กระเทียมบุบ ปั้นส่วนผสมข้อ 1 ใส่ ใส่ฟักทอง เดือดอีกครั้ง
3. ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา พอฟักทองสุกเปื่อย ใส่ใบแมงลัก ปิดไฟ


เมื่อรับประทานแกงฟักทองเข้าไปแล้ว จะได้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้
1. วิตามิน Aจากฟักทอง
2. โปรตีนจากเนื้อสัตว์
3. กระเทียม พริกไทย ซึ่ง 2 อย่างนี้ ช่วยในการขับลม และ ลดคลอเรสตอรอล
4. สารอาหารที่สำคัญและเป็นหลักของอาหารจานนี้ก็คือ ใบแมงลัก ซึ่งมีคุณค่าทางอาหาร ดังนี้


แมงลัก เป็นพืชล้มลุก ไม้พุ่มเตี้ย ใบสีเขียวโต ปลายใบแหลมริมใบเป็นจักสีแดง ออกดอกเรื่อๆ ออกดอกเป็นช่อ เป็นชั้นๆ มีกลิ่นหอมฉุน ดอกสีขาวม่วง
ส่วนที่ใช้ลำต้น ใบ เมล็ด


สรรพคุณ
ลำต้น ใช้ลำต้นสด นำมาต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาแก้ไอ ขับเหงื่อขับลม กระตุ้นและแก้ทางเดินโรคอาหาร ใบ ใช้ใบสด มาตำให้ละเอียดคั้นน้ำกิน เป็นยบยาแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้โรคท้องร่วง หรือใช้กากใบที่ตำทาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด
เมล็ด ใช้เมล็ดแห้ง เมื่อนำมาแช่น้ำจะเกิดการพองตัว แล้วใช้กินเป็นยาระบาย ลดความอ้วน ช่วยดูดซึมน้ำตาลในเส้นเลือด ขับเหงื่อและช่วยเพิ่มปริมาณของอุจจาระให้เป็ยเมือกลื่นในลำไส้

2009-05-08

ต้มยำกุ้ง TOM YAM KUNG

ต้มยำกุ้ง TOM YAM KUNG

ต้มยำเป็นการปรุงอาหารชนิดหนึ่งของคนไทยประเภทน้ำแกง เครื่องเทศที่ขาดไม่ได้เลย คือ
..........ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้ หนูน้ำมะนาว..........
ต้มยำทำได้หลายชนิดมีทั้งต้มยำปลาต้มยำเห็ดต้มยำไก่และต้มยำกุ้งสำหรับต้มยำกุ้งนับเป็นอาหารไทย
ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกทั้งในแง่ความอร่อยและยังเป็นอาหารจานสมุนไพรต้านมะเร็งอีกด้วย
ต้มยำกุ้งตำรับดั้งเดิมนั้นน้ำแกงใสมีกลิ่นหอมปัจจุบัยต้มยำกุ้งถูกดัดแปลงให้น้ำข้นสีสวยด้วยน้ำพริกเผาหรือบาง
ครั้งก็เติมน้ำกะทิหรือนมสดลงไป

เครื่องปรุงและวิธีทำต้มยำกุ้ง
เครื่องปรุง
กุ้งกุลาดำ น้ำหนักตัวละ 100 กรัม 5 ตัว
เห็ดฟางผ่าครึ่ง 100 กรัม
พริกขี้หนูสวนทุบพอแตก 10 เม็ด
ข่าอ่อนหั่นแว่น 5 แว่น
ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำปลา 3 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 3 ถ้วย


วิธีทำ
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก
2. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เดือดอีกครั้ง
3. ใส่กุ้ง เห็ดฟาง พอกุ้งสุกเป็นสีชมพู เดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ใส่พริกขี้หนู ยกขึ้น
4. ตักใส่ชาม รับประทานร้อน ๆ

2009-05-06

แกงส้มปลาช่อน เพื่อสุขภาพ

"แกงส้ม"เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำแต่ก็มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน โปรตีนจากปลา คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน เพราะประกอบไปด้วยผักหลายชนิด
................กล่าวคือ มีทั้งกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก วิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งมีหน้าที่บำรุงเลือด วิตามินเอ บำรุงสายตา วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 มีเส้นใยและกากใยช่วยย่อยอาหารและทำให้กระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดและยังสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

เครื่องปรุง
1. ปลาช่อน ควรจะเป็นปลาช่อนนาที่เลี้ยงโดยธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการซื้อปลาช่อนเลี้ยง แล้วนำมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้น ๆ ส่วนหนึ่งนำไปทอดในน้ำมันให้กรอบ อีกส่วนหนึ่งนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก(หรืออาจจะยังไม่ต้องต้มก็ได้)
2. ดอกแค เลือกเอาดอกอ่อนๆ แล้วควักเอาเกสรออก ล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้
3.ผักกวางตุ้ง เด็ดเป็นใบๆ ล้างน้ำผ่านให้สะอาด หั่นเป็นท่อนทั้งใบและก้าน แล้วแช่น้ำพักไว้
4. ดอกกะหล่ำ หั่นเป็นช่อเล็กๆ แล้วแช่น้ำไว้ทิ้งไว้
5. ผักบุ้ง นำไปล้างน้ำผ่านให้สะอาด แล้วเด็ดเป็นท่อนๆ
6. หัวไชเท้า ปอกเปลือกก่อนแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด หั่นตามยาวเป็นท่อนเล็ก พอดีคำ
7. ถั่วฝักยาว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นท่อนๆ
8. ผักกระเฉด เด็ดฟองน้ำนุ่มๆ ที่เรียกว่า "นม" ออกเสียก่อน แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด เด็ดเป็นท่อนๆ

เครื่องแกง
1. พริกแห้ง เลือกเอาเม็ดใหญ่ๆ แล้วแช่น้ำไว้
5. เกลือ นิดหน่อย
2. หอมแดงปอกเปลือกออก แล้วซอยบางๆ
6. น้ำมะขามเปียก
3. กระชาย นำมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
7. น้ำตาลปี๊บ นิดหน่อย ไม่ต้องมาก
4. กะปิอย่างดี
8. น้ำปลาอย่างดี
...........นำเครื่องแกงทั้งหมด (จำนวนใส่ตามความพอใจ) ใส่ครก แล้วโขลกให้ละเอียด ควรใส่เกลือนิดหน่อยขณะโขลก เพราะว่าจะทำให้โขลกง่ายขึ้น เป็นอันเสร็จ (บางคนอาจจะใส่ปลาย่างลงไปก็ได้)

วิธีทำ
1. นำน้ำใส่หม้อแล้วไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วนำเครื่องแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้มให้เดือด จนมีกลิ่นหอมออกมา
2. เติมน้ำปลาและน้ำมะขาม แล้วชิมรส จนพอใจ
3. นำปลาช่อนที่ยังไม่ได้ต้มใส่ลงไป เวลาใส่ปลาลงไปน้ำจะต้องเดือด ไม่เช่นนั้นแล้วจะเหม็นคาวทันที บางคนอาจจะเอาปลาช่อนไปต้มก่อน แล้วเอามาโขลกรวมกับเครื่องแกงก็ได้ หรือจะเอาปลาช่อนไปทอดแล้วเอามาใส่ก็ได้เหมือนกัน
4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป ควรใส่หัวไชเท้าก่อน เพราะสุกยากที่สุด แล้วต่อไปก็ใส่ดอกกะหล่ำ ผักกวางตุ้ง ถั่วฝักยาว ดอกแค และสุดท้ายใส่ผักบุ้งเพราะจะสุกง่ายที่สุด
5. เป็นอันเสร็จแกงส้มปลาช่อน ควรรับประทานกับปลาสลิดทอดจะอร่อยมาก