2009-08-23

ข้าวอัญชันกุ้งทอดกระเทียม

ข้าวอัญชันกุ้งทอดกระเทียม

ส่วนผสม
ข้าวสารสีน้ำเงิน (ดอกอัญชัน) 1 ถ้วย
น้ำ 1 ถ้วย
กุ้งก้ามกราม (ตัวละ 100 กรัม) 2 ตัว
พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
รากผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ถ้วย
กระเทียมไทยกลีบเล็กโขลก 1/4 ถ้วย
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
แตงกวาญี่ปุ่น ดอกอัญชันสำหรับตกแต่ง


วิธีทำ
-ใส่ข้าวสารลงในหม้อหุงข้าว ใส่น้ำ หุงข้าวจนกระทั่งข้าวสุก
-ล้างกุ้ง ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำจากนั้นโขลกพริกไทยกับรากผักชีเข้าด้วยกันจนละเอียด ตักใส่ถ้วย พักไว้ -ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟอ่อน ใส่กระเทียมลงเจียวพอเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ตักน้ำมันในกระทะที่เจียวกระเทียมออกให้เหลือ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่เครื่องที่โขลกลงผัดให้หอม ใส่กุ้งลงผัด ปรุงรสด้วยซอสอิ๊วขาว ใส่กระเทียมเจียวครึ่งหนึง ผัดเร็ว ๆ พอทั่ว
-วิธีจัดเสิร์ฟ ตักข้าวอัญชันใส่จาน วางกุ้ง โรยกระเทียมเจียวที่เหลือ ตกแต่งด้วยดอกอัญชัน เสิร์ฟกับแตงกวาญี่ปุ่น (2 คนรับประทาน)


ที่มา : หนังสือครัว

2009-08-19

ข้าวผัดปลาทูเสวย

ข้าวผัดปลาทูเสวย

ส่วนผสม
น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย+2 ช้อนโต๊ะ
ปลาทูนึ่ง (ตัวละ 60 กรัม) 3 ตัว
เนื้อหมูส่วนสะโพกหั่นลูกเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย
เนื้ออกไก่หั่นลูกเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย
กุ้งชีแฮ้ (ตัวละ 25 กรัม) แกะเปลือกเด็ดหัวเด็ดหาง 4 ตัว
ข้าวสวยหอมมะลิ 2 1/2 ถ้วย
ผิวส้มซ่าหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักต้มประกอบด้วย ผักขจร ตำลึง และบวบเหลี่ยม
ผักสดประกอบด้วย ถั่วฝักยาว ขมิ้นขาว แตงกวา และดอกอัญชัน
กระเทียมไทยแกะเปลือก 9 กลีบ
กะปิ 2 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่น 1 เม็ด
พริกชี้ฟ้าสีเหลืองหั่น 1 เม็ด
พริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดง 6 เม็ด
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ+1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอก 1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มซ่า 1 1/2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
-ตั้งกระทะน้ำมัน 1/4 ถ้วยบนไฟกลางจนร้อน ใส่ปลาทูลงทอดให้สุกเหลืองตักขึ้นแกะเอาแต่เนื้อเป็นชิ้นใหญ่ ใส่จาน พักไว้
-ทำน้ำพริกกะปิโดยโขลกกระเทียมกับกะปิเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่พริกชี้ฟ้าสีแดงและพริกชี้ฟ้าสีเหลือง --โขลกให้ละเอียดใส่พริกขี้หนู โขลกพอแตก ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว น้ำส้มซ่า ปรุงรสให้เปรี้ยวหวานเค็ม ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
-ตั้งกระทะน้ำมันที่เหลือบนไฟกลางจนร้อน ใส่น้ำพริกที่โขลกลงผัดจนหอม ใส่เนื้อหมู เนื้อไก่ และเนื้อกุ้ง ผัดจนสุก ใส่ข้าวสวย ผัดให้ทั่ว ใส่เนื้อปลาทูทอด ผัดพอทั่ว ปิดไฟ
ตักใส่จาน โรยผิวส้มซ่า รับประทานกับผักต้มและผักสด


ที่มา : หนังสือครัว

2009-08-16

กุ้งแม่น้ำเจี๋ยนน้ำมันหอย

กุ้งแม่น้ำเจี๋ยนน้ำมันหอย

ส่วนผสม
กุ้งแม่น้ำ (ตัวละ 250 กรัม) 2 ตัว
น้ำมันพืช 2 ถ้วย
คะน้าต้นใหญ่ปอกโคนแข็งออกลวกพอสุก 5 ต้น
น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
น้ำซุปหมูหรือน้ำ 1/2 ถ้วย
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ+1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา


วิธีทำ
-ล้างกุ้งแม่น้ำ ตัดปลายหนวด ตัดกรีแหลมที่หัวกุ้งออก ผ่าหลังทั้งเปลือก ดึงเอาเส้นดำออก เคล้าแป้งมันพอทั่ว พักไว้
-ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางให้ร้อนจัด ใส่กุ้งแม่น้ำลงทอดให้สุกเปลือกมีสีส้ม เนื้อกุ้งกรอบ ตักขึ้นพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
-ทำน้ำราดโดยตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง ใส่น้ำซุปหมูหรือน้ำ ต้มให้เดือด ใส่น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และน้ำตาล คนพอทั่วชิมรสเค็มหวาน จากนั้นละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเล็กน้อยใส่ คนพอสุกข้น ปิดไฟ
-จัดกุ้งแม่น้ำทอดใส่จาน ตักน้ำราดราดบนกุ้งทอด เสิร์ฟกับคะน้าลวก (2 คนรับประทาน)

ที่มา: หนังสือครัว

2009-08-09

ไข่ยัดไส้

ไข่ยัดไส้

ส่วนประกอบ
1. หมูสับ 100 กรัม
2. มะเขือเทศซอย 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
4. หัวหอมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
5. ผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
9. ไข่ 4 ฟอง10. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำน้ำมัน 1/2 ช้อนโต๊ะตั้งไฟให้พอร้อนใส่ กระเทียมลงไปผัดตามด้วยหัวหอม
2. ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก เติมมะเขือเทศ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย พริกไทย
3. ปิดไฟ แล้วใส่ ผักชี ต้นหอมลงไปคลุกเคล้าแว๊ปนึงนำขึ้นรอไว้
4. ตีไข่ นิดหน่อใส่น้ำมันลงไปในกะทะ เทไข่ลงไปแล้วหมุนกะทะ ให้ไข่แบนๆพอสุกหมาดๆ ก็นำไส้ที่ผัดไว้ ใส่ลงไปแล้วพับ

2009-08-05

สุกี้น้ำ

สุกี้น้ำ

ส่วนประกอบ
1. วุ้นเส้น 4 ห่อ
2. ไข่ 3 ฟอง
3. ผักตามชอบ
4. ลูกชิ้นกุ้ง 100 กรัม
5. ปลาสวรรค์ 100 กรัม
6. ลูกชิ้นปลา 100 กรัม

ส่วนประกอบน้ำจิ้ม
1. เต้มหู้ยี้ 3 ก้อน
2. กระเทียมดอง 1 ถ้วย
3. กระเทียมสด 1 ถ้วย
4. รากผักชี 3-5 ราก
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะเค็มตามชอบ
7. พริกขี้หนู 15 เม็ด
8. มะนาว เปรี้ยวตามชอบ
9. งาคั่ว 1 ถ้วย
10. น้ำมันงา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้ม และต้มสุกี้
1. นำส่วนผสมทั้งหมดลงปั่นจะเติมน้ำต้มสุกลงไปก็ได้ แต่งาใส่ตอนปั่นเสร็จแล้ว
2. ชิมตามรส แล้วนำน้ำจิ้มที่ปั่นนำไปลงกะทะ รอจนเดือดยกขึ้นโรยงา
3. ต้มน้ำซุปให้เดือดใส่เครื่องลงไป ใส่ไข่ ชิมตามชอบ

2009-08-02

ไข่พะโล้

ไข่พะโล้

ส่วนประกอบ :1. ปีกไก่ 500 กรัม2. ไข่ 6 ฟอง3. เต้าหู้ 1 พวง4. โป๊ยกั๊ก 2 ท่อน5. ดอกจัน 3 ดอก6. พริกไทยตำ 1 ช้อนชา7. รากผักชีตำ 1 ช้อนชา8. ซีอิ้วหวาน 2 ช้อนโต๊ะ9. น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ10. กระเทียมตำ 1 ช้อนโต๊ะ11. น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ12. เกลือ 1/4 ช้อนชา13. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ จะมีก็ได้14. น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ15. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะวิธีทำ :1. นำไข่ไปต้มแล้วปลอกเปลือก2. นำกระเทียม รากผักชี พริกไทยตำ3. นำเต้าหู้ลงทอดให้กรอบ นำน้ำมันตั้งไฟ ใส่ผงพะโล้ และ เครื่องตำลงผัด4. นำไก่ และ ไข่ลงไปผัด เติมซีอิ้วดำ น้ำตาลปีบ เกลือ ดอกจัน โป๊ยกั๊ก น้ำลงไปต้ม5. พอต้มเข้าเนื้อแล้ว ตักใส่จานโรยด้วยผักชี

2009-07-29

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

ส่วนประกอบ
1. เส้นก๋วยเตี๋ยว 150 กรัม
2. หมูสับ 50 กรัม
3. ไข่ 2 ฟอง
4. กระเทียมตำ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำน้ำมันตั้งไฟ ใส่กระเทียม ไข่ลงผัด

ส่วนประกอบน้ำราด :

1. มะนาว 2 ลูก
2. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนู 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ครกตำแล้ว เติมน้ำปลาและมะนาวตามรส

2009-07-22

ทอดมันปลากราย

ทอดมันปลากราย

เครื่องปรุง
1.เนื้อปลากรายบด 500 กรัม
2. ถั่วฝักยาวซอย 4 ช้อนโต๊ะ
3.พริกแห้งเอาเมล็ดออก 3 เม็ด
4. หอมแดงซอย 1 หัว5.กระเทียมแกะเปลือก 5 กรีบ
6. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
7.ใบมะกรูดซอย 1/2 ช้อนชา8.รากผักชี เกลือป่นอย่างละ 1 ช้อนชา
9.น้ำมันพืชสำหรับทอด


เครื่องปรุงน้ำจิ้ม
1.พริกสดหั่น 1 ช้อนชา
2.แตงกวาผ่าสี่ซอย 1/2 ถ้วย
3.ถั่วลิสงคั่วหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ4.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
5. น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชาผสมน้ำตาลน้ำส้มสายชูเกลือ เข้าด้วยกัน ตั้งไฟพอน้ำตาลละลาย ใช้ไฟอ่อน เคี่ยวพอเหนียว ยกลง พอเย็นใส่แตงกวา พริกสด โรยถั่วลิสง


วิธีทำ
1.โขลกพริก เกลือ ตะไคร้ รากผักชีให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระเทียมโขลกให้ละเอียดเข้ากัน
2.ผสมปลาบดกับน้ำพริกเข้าด้วยกัน นวดให้เหนียวใส่ถั่วฝักยาวและใบมะกรูดนวดให้เข้ากัน
3.ปั้นเป็นก้อนกลมขนาด กดตรงกลางให้แบน ทอดในน้ำมันมาก ใช้ไฟกลาง ทอดให้สุกเหลือง ตักออกวางให้สะเด็ดน้ำ เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

2009-07-16

Yum Pla Dook Foo (ยำปลาดุกฟู - Crispy Catfish with Green Mango Salad)

Yum Pla Dook Foo (ยำปลาดุกฟู - Crispy Catfish with Green Mango Salad)

Ingredients
1 catfish (or any meaty white fish) weight 400-500 grams
3 tablespoons fish sauce
4 tablespoons lime juice
1 tablespoon sugar
5-10 chilies, chopped
1/4 cup shallot, sliced
1 mango, julienned (or sour green apple)
1/4 cup fried cashew nuts, or peanut
coriander leaves (for garnishing)

Preparations
1. Roast the fish in an oven (at 450f) until cooked. Remove from oven and wait until cool. Then use a fork to fluff the cooked fish meat.
2. Heat oil in a wok over medium heat. Wait until hot then fry the fluffed meat in batches until golden. Remove and drain. Transfer to a serving plate.
3. In a medium-sized bowl, add fish sauce, lime juice, sugar, chilies, shallots and mango. Stir until all ingredients mixed well. You can adjust the taste according to your desired one, but the original taste should be sour, hot, and salty, with a slight sweetness at the end.
4. Before serving, sprinkle fried cashew nuts and coriander leaves on top of crispy fish. You can pour in the salad over fried fish and serve immediately.
5.Or you can serve by putting the crispy fish on a plate and serve the salad mixture in another dipping sauce bowl.

2009-07-12

Plah Goong (พล่ากุ้ง - Thai Shrimps Spicy Salad)

Plah Goong (พล่ากุ้ง - Thai Shrimps Spicy Salad)

Ingredients
400 grams medium-sized shrimps, cleaned, shelled and deviened
2 lemongrasses, finely sliced
1 onion, sliced
2 spring onions, sliced
1 tablespoon chopped coriander
2 kaffir lime leaves, finely sliced
10 mint leaves
5-10 chilies, chopped
2 tablespoons roasted chili paste
3 tablespoons lime juice
2 tablespoons fish sauce
1 teaspoon sugar

Preparations
1. Heat water in a pot until boiling. Then scald the shrimps in boiled water for just a short time. Remove and drain.
2. In a small bowl, prepare the sauce by adding lime juice, fish sauce, sugar and roasted chili paste. Stir until all ingredients mixed well.
3. In a big bowl, add the shrimps, prepared sauce, lemongrass, onion, chili, spring onion, coriander, kaffir lime leaves and mint leaves. Stir until all ingredients mixed well.


4. Transfer to a serving plate. Garnish with coriander leaves and serve immediately.

2009-07-09

Ar-jad , Sauce Tua (อาจาด , ซอสถั่ว - Cucumber Relish , Peanut Sauce)

Ar-jad , Sauce Tua (อาจาด , ซอสถั่ว - Cucumber Relish , Peanut Sauce)

Ingredients

Ingredients for Cucumber Relish (For Satay) :125 ml rice vinegar, or white vinegar
115 gram sugar
1/2 cucumber, finely sliced
2 shallots, peeled and finely sliced
1 large red chilli, seeded and finely sliced
coriander sprigs, to garnish
lime wedges, to garnish

Ingredients for Peanut Sauce :
2 tablespoons Red Curry Paste
1/4 teaspoon salt
2 tablespoons dark brown sugar
1 cup coconut milk
1/4 cup chopped peanuts

Preparations
Cucumber Relish Preparations :
1. Place the vinegar and sugar in a small saucepan over a medium heat, and stir until the sugar has dissolved.
2. Remove from the heat and cool. Pour into a bowl, add the cucumber, shallots or onion and chilli and stir to combine.


Peanut Sauce Preparations :

1. Combine the red curry paste and coconut milk together. Season with sugar, salt. The original taste should be the sweet taste and a little spicy taste.
2. Add chopped peanut. Then bring to boil over low heat.
3. Pour the sauce into a nice serving bowl and garnish with the chopped peanuts. Serve with chicken satay.

2009-07-05

Pad Ka-prao Goong (ผัดกระเพรากุ้ง - Fried Shrimps with Basil Leaves)

Pad Ka-prao Goong (ผัดกระเพรากุ้ง - Fried Shrimps with Basil Leaves)

Ingredients
450 grams medium-sized shrimps, cleaned, shelled and deviened
5 cloves garlic, finely chopped
2 tablespoons vegetable oil
2 teaspoons black soy sauce
2 tablespoons fish sauce
1 cup fresh holy basil
5-10 chillies, chopped and pounded coarsely
Dash of ground white pepper

Preparations
1. Heat a wok until the oil is hot, then add garlic and stir until golden and aromatic. Then add shrimp, and continue Stir-frying until shrimp is nearly cooked.
2. Add chillies and sprinkle black soy sauce over the mixture and stir-fry another 15-20 seconds.
3.Then add fresh basil leaves and fish sauce to taste. Stir and mix well. Sprinkle with white pepper. Stir and transfer to a serving dish. Serve immediately with hot steamed rice.

2009-07-02

Yum Hoy Krang (ยำหอยแครง - Spicy Cockle Salad)

Yum Hoy Krang (ยำหอยแครง - Spicy Cockle Salad)

Ingredients
800 grams cockles
1 tablespoon shallot, sliced
1 teaspoon chili, sliced
1/4 cup mint leaves
1 tablespoon sliced lemongrass
1 1/2 teaspoon fish sauce
2 tablespoon lime juice
1/2 cup shredded green mango
mint leaves (for garnishing)

Preparations
1. Put cockles in clean water wait until the shells open up, then clean the dirt inside.
2. Heat water in a pot until boiling. Then scald cockles in boiled water for just a short time. Remove from heat, drain and shell.
3. In a big bowl, add cockles, chili, shallot, lemongrass, fish sauce, lime juice, mint leaves and green mango. Toss until all ingredients mixed well.
4. Transfer to a serving plate. Garnish with mint leaves on top and serve immediately.

2009-06-29

Tod Mun Goong (ทอดมันกุ้ง - Thai Shrimps Cakes)

Tod Mun Goong (ทอดมันกุ้ง - Thai Shrimps Cakes)

Ingredients
250 grams medium-sized shrimps, cleaned, shelled and deviened
50 grams pork fat
2 teaspoons sugar
3 tablespoons fish sauce
2 teaspoons white pepper
3 cups oil for deep frying
sweet plum sauce (dipping sauce)

Preparations
1. Place all the ingredients in food processor and blend till form smooth paste.
2. Pour the breadcrumbs in a plate. Then use a tablespoon to form small (2" wide, 1/2" thick) patties of prepared shrimp mixture and put it in the breadcrumb plate, flip it upside down with care until all patties coated with breadcrumbs.
3. Heat oil in a wok over medium heat. Wait until hot, then deep fry till golden brown and cooked thoroughly. Remove and drain.
4. Transfer to a serving plate. Serve immediately with fresh vegetable and sweet plum sauce.

2009-06-27

Kao Moo-dang (ข้าวหมูแดง - Thai Red BBQ Pork With Rice)

Kao Moo-dang (ข้าวหมูแดง - Thai Red BBQ Pork With Rice)


Ingredients
800 grams pork, cut into 1 1/2" thick x 8 " long
2 tablespoons chinese cooking wine
2 tablespoons sesame oil
1 tablespoon sugar
1/2 tablespoon salt
1 1/2 tablespoons black soy sauce
2 tablespoons soy sauce (light)
3 tablespoons tomato sauce (or ketchup)
2 eggs , boiled, shelled and cut into well pieces
1/4 cup tapioca flour, dissolved with water
coriander leaves (for garnishing)
fresh vegetables ( sliced cucumber and scallion)

Preparations
1. Wash the pork in clean water, remove and drain. Marinade the pork with chinese cooking wine, sesame oil, sugar, salt, black soy sauce, soy sauce, tomato sauce. Stir until all ingredients mixed well and let marinated for 2-3 hours.
2. Heat a wok over medium heat. Add the pork (with marinated sauce), occasionally stir, and let simmer for at least 5-10 minutes.
3. Transfer the pork to the oven. Bake it in the oven (medium heat) for 30 minutes.
4. Remove the pork from the oven. Slice the pork into well pieces and then transfer to a serving plate.
5. To make the red sauce : Heat a wok over medium heat. Add 1 cup of water with the left over marinated sauce (after simmering). Wait until boiling, then pour in tapioca flour (dissolved in water). Stir until the sauce gets thick.
6. Before serving, dress the BBQ pork with red sauce. Garnish on top with coriander leaves, serve with boiled egg, hot steamed rice and fresh vegetables (sliced cucumber, and scallion).

2009-06-15

Hoy Tod (หอยทอด - Thai Fried Mussels with Eggs)

Hoy Tod (หอยทอด - Thai Fried Mussels with Eggs)

Ingredients10-15 green mussels
1 egg, beaten
2 tablespoons tapioca flour
1 tablespoon rice flour
1 tablespoon limewater
1 tablespoon minced garlic
1 tablespoon fish sauce
1/2 teaspoon sugar
1 tablespoon soy sauce
1/2 cup bean sprout
1/2 teaspoon pepper powder
1 tablespoon scallion, chopped
3 tablespoons water
cooking oil
coriander leaves (for garnishing)

Dipping Sauce :
Mix all below ingredients in a small pot and heat it until boiling. Remove and set aside. 1/4 cup chili sauce
1/2 tablespoon sugar
1/4 teaspoon salt
2 tablespoons white vinegar
2 tablespoons water

Preparations
1. Wash green mussels with clean water. Then scald it in boiling water. Remove and drain. Then remove shell, and set aside.
2. In a medium-sized bowl, add tapioca flour, rice flour, limewater and water together. Stir until mixed well.
3. Heat oil in a fry pan until hot. Pour in the flour mixture in the pan and add the green mussels over the mixture. Do not stir or try to flip it until nearly cooked.
4. Pour beaten egg over the mixture. Fry until the mixture is golden brown. Then turn it over to another side and fry until cooked. Remove from heat and transfer to a serving plate.
5. Heat oil in a fry pan until hot. Add garlic and stir until fragrant. Then add bean sprouts, scallion, soy sauce and sugar. Stir until cooked well then transfer to a serving plate (besides fried mussels).
6. Sprinkle with pepper powder and coriander leaves. Serve immediately with dipping sauce.

2009-06-12

Panaeng Curry Paste (น้ำพริกพะแนง - Nam Prik Panaeng)

Panaeng Curry Paste (น้ำพริกพะแนง - Nam Prik Panaeng)

Ingredients :

5 large dried red spur chilies, seeded and soaked
5 shallots, sliced
2 bulbs roasted garlic
10 cloves sliced garlic
1 teaspoon finely sliced galangal
1 teaspoon lemon grass, sliced
1/2 teaspoon finely sliced kaffir lime rind
1 teaspoon finely sliced coriander root
1/2 teaspoon white pepper
1 teaspoon salt
1 teaspoon shrimp paste


Preparations
1. Pound dried chilies and salt together well. Add galangal, lemon grass, kaffir lime rind, and coriander root, pound until mixed well.
2. Add shallots and garlic, follow with pepper and shrimp paste, and continue pounding until smooth and fine.

* Panaeng Curry Paste : Always use for cooking PANAENG CURRY dish such as Beef in Panaeng Curry

2009-06-11

ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย

ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย

ส่ ว น ผ ส ม (สำหรับ 15 - 20 ที่)
๐ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 1 กิโลกรัม (1 ขีด แบ่งได้ประมาณ 2-3 ที่)
๐ หมูสับ 300 กรัม
๐ ฮือก๊วยหั่นแฉลบชิ้นบาง 1 เส้น
๐ หมูแดงหั่นแฉลบชิ้นบาง 1 เส้น
๐ ตับหมูต้มสุกหั่นแฉลบชิ้นบาง 300 กรัม
๐ ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบ 300 กรัม
๐ ถั่วงอก 500 กรัม
๐ ไข่ต้ม 6 ฟอง
๐ กระเทียมเจียว
๐ กากหมู
๐ ต้นหอม, ผักชีซอยหยาบ
๐ น้ำซุป จากซุปดี ผงซุปใส รสหมู

เ ค รื่ อ ง ป รุ ง
๐ พริกป่นอย่างดี, ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ, มะนาว, น้ำตาลทราย, น้ำตาลปี๊บเคี้ยว, น้ำปลา, น้ำส้มพริกดอง

วิ ธี ทำ
1. ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ถั่วงอกและถั่วฝักยาวจนกระทั่งสุก จัดใส่ชาม
2. ลวกหมูสับใส่ในชาม วางฮือก๊วย หมูแดง ตับหมู กระเทียมเจียวและไข่ต้ม
3. เติมน้ำซุป ที่ปรุงโดยผงซุปดี ผงซุปใสรสหมู โรยหน้าด้วยกากหมู ต้นหอม ผักชี

ส่ ว น ผ ส ม ห มู แ ด ง
๐ เนื้อหมู 500 กรัม
๐ เหล้าจีน ½ ช้อนโต๊ะ
๐ น้ำตาลทราย 1½ ช้อนโต๊ะ
๐ เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
๐ ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
๐ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
๐ ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
๐ น้ำมันงา 2 ช้อนชา
๐ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
๐ รากผักชีบุบพอแตก 2-3 ราก
๐ พริกไทยป่นเล็กน้อย
๐ สีส้มแดงเล็กน้อย

วิ ธี ทำ
1. ใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูให้ทั่วทั้งชิ้น
2. ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่เนื้อหมูคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักไว้ 1-2 ชั่วโมง นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 300 ฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที หรือจนสุกหอมน้ำ

เ ค ลื อ บ ห มู แ ด ง
๐ น้ำผึ้งแท้อย่างดี 25 กรัม
๐ น้ำตาลทราย 125 กรัม
๐ ซีอิ๊วขาว 25 กรัม
๐ แบะแซอย่างดี 250 กรัม
๐ น้ำสะอาด 300 กรัม

วิ ธี ทำ
1. นำทั้งหมดผสมกันต้มจนเดือด โดยนำน้ำตาล แบะแซ ลงก่อน พอละลายแล้วจึงเติมน้ำผึ้งและซีอิ๊วขาว พอทุกอย่างเข้ากันให้นำน้ำนี้ไปเคลือบหมูแดง ซี่โครงหมูและเป็ดย่าง

* Tip เด็ดๆ : เมื่ออบหมูแดงจนสุกได้ที่ให้นำออกมาชุบน้ำเคลือบหมูแดงจนชุ่ม เวลานำไปอบรอบ

2 ให้พลิกหมูแดงกลับอีกด้านขึ้น แล้วอบต่ออีกประมาณ 5-10 นาที แล้วคุณจะได้หมูแดงที่มีรสชาติเข้มข้นแบบชนิดถึงเนื้อเลยทีเดียวค่ะ

ส่ ว น ผ ส ม น้ำ ซุ ป
๐ ซุปดี ผงซุปใส รสหมู (ขนาด 24 กรัม) 3 ซอง
๐ น้ำเปล่า (4 ลิตร) 16 ถ้วยตวง

วิ ธี ทำ
1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือดใส่ซุปดี ผงซุปใส รสหมู ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ใช้เป็นน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย

2009-06-05

กระเพาปลาฮ่องเต้

ก ระ เพ า ะป ล า ฮ่ อ ง เต้

ส่ ว น ผ ส ม (สำหรับ 8 ที่)
๐ กระเพาะปลาอย่างดี 400 กรัม
๐ ซุปดี (ผงซุปใสรสไก่ ขนาด 24 กรัม) 3 ซอง
๐ หน่อไม้ไผ่ตง 800 กรัม
๐ น่องไก่ 1 กิโลกรัม
๐ อกไก่ 1 ชิ้น
๐ เลือดไก่ / เลือดหมู 3 ก้อน
๐ ไข่ไก่ต้มจนสุกแข็ง 6 ฟอง
๐ เห็ดหอม 100 กรัม
๐ ขิงแก่ 2 แง่ง
๐ เหล้าจีน 4 ช้อนโต๊ะ
๐ ซีอิ๊วขาว ½ ถ้วยตวง
๐ ซีอิ๊วดำหวาน 4 ช้อนชา
๐ ซอสเปรี้ยว ¼ ถ้วยตวง
๐ น้ำมันหอย ½ ถ้วยตวง
๐ ซอสปรุงรส ¼ ถ้วยตวง
๐ แป้งเท้ายายม่อม 2 ถ้วยตวง
๐ รากผักชี 3-4 ราก
๐ ใบเตย 2-3 ใบ
น้ำเปล่า สำหรับทำน้ำซุป 24 ถ้วยตวง (6 ลิตร)
๐ น้ำเปล่า สำหรับต้มกระเพาะปลา

วิ ธี ทำ
1. ล้างกระเพาะปลา 2-3 ครั้ง แช่ในน้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
2. ล้างเห็ดหอมให้สะอาด แช่น้ำเปล่าให้นุ่ม หั่น 2 ชิ้นหรือ 4 ชิ้น ขึ้นอยู่กับขนาดของดอก
3. ล้างหน่อไม้ไผ่ตงให้สะอาด นำไปลวกในน้ำเดือดให้หมดกลิ่นเปรี้ยว
4. ล้างเลือดไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้น นำลงต้มกับใบเตยพอนุ่มและมีกลิ่นหอม ยกลงพักให้สะเด็ดน้ำ
5. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่ขิงแก่ เหล้าจีน และกระเพาะปลาลงต้ม 10-20 นาที ให้หมดน้ำมัน (ถ้าน้ำมันยังมีอยู่มากให้เปลี่ยนน้ำแล้วต้มอีกครั้ง)
6. นำน้ำเปล่าสำหรับทำน้ำซุปใส่หม้อ ใส่รากผักชีต้มพอเดือด ใส่ซุปดี ผงซุปใส รสไก่ ลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง ใส่น่องไก่และอกไก่ พออกไก่สุก ตักขึ้น นำไปฉีกเป็นเส้นฝอยหรือหั่นเป็นชิ้นก็ได้
7. นำกระเพาะปลาที่พักไว้ใส่ลงในหม้อน้ำซุป ใส่เห็ดหอมเคี่ยวไฟอ่อนทิ้งไว้สักครู่ให้กระเพาะปลานุ่ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ซอสเปรี้ยว น้ำมันหอย และซอสปรุงรส ใส่หน่อไม้ เลือดไก่ ชิมรสตามชอบเปาไฟ8. ผสมแป้งเท้ายายม่อมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนแป้งสุกใส ยกลง
9. ตักกระเพาะปลาใส่ชาม โรยด้วยเนื้อไก่ฉีก ไข่ต้ม ผักชี รับประทานคู่ซอสเปรี้ยวและน้ำส้มพริกดอง

ส่ ว น ผ ส ม น้ำ จิ้ ม
๐ พริกชี้ฟ้าสีเหลือง 5-6 เม็ด
๐ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง

วิ ธี ทำ
1. ล้างพริกชี้ฟ้าให้สะอาด เด็ดขั้วทิ้ง หั่นเป็นชิ้นใส่ลงในเครื่องปั่น
2. ใส่น้ำส้มสายชู ปั่นจนละเอียด เทใส่ภาชนะรับประทานคู่กับกระเพาะปลา
* ถ้ากระเพาะปลาน้ำแดงสูตรภัตตาคาร (สูตรฮ่องเต้) จะไม่ใส่เลือดและหน่อไม้

2009-06-02

น้ำพริกอ๋อง

น้ำพริกอ๋อง

เครื่องปรุง
หมูสับ 250 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศลูกเล็ก 20 ลูก
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นสี่ส่วน แล้วนำไปใส่ในครกรวมกับน้ำพริกแกงเผ็ด
2. โขลกมะเขือเทศกับน้ำพริกแกงเผ็ดให้เข้ากันพอหยาบ
3. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำมันใส่ลงในหม้อ รอจนน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่น้ำพริกที่โขลกไว้ลงไป ผัดซักพักจนเริ่มหอมก็ใส่หมูสับลงไป
4. ผัดหมูสับให้เข้ากับน้ำพริกจนหมูสับสุก ก็ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกเข้มข้น คนให้เครื่องปรุงทั้งหมดเข้ากัน ชิมรสตามชอบ จากนั้นก็ปิดเตาและยกลงได้5. ตักใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟพร้อมผักสดต่างๆ เช่น ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว และแตงกวา ได้เลยค่ะ

2009-05-29

แหนมเนือง

แหนมเนือง

ส่วนผสม
1.เนื้อหมู (ส่วนสะโพก) หั่น 80 กรัม
2.มันหมูบด 20 กรัม
3.หอมแดง 20 กรัม
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5.พริกไทยดำ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูและมันหมูบด แช่เย็นประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำเนื้อหมูและมันหมูบดที่แช่เย็นแล้วมาตีด้วยเครื่องบดความเร็วสูงให้ละเอียด
2. ใส่หอมแดง เกลือ พริกไทยดำ ตีเข้าด้วยกันใช้ความเร็วสูงตีให้ละเอียด เวลา 30 วินาที
3. นำกลับไปแช่เย็นอีกครั้ง เวลาครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นนำออกมาปั้นเป็นลูกแล้วไปย่างไฟ ใช้ไฟอ่อนๆให้สุกทั่วถึงกันเครื่องเคียงกระเทียมปอกเปลือก, กล้วยดิบ, มะเฟืองเปรี้ยว, พริกขี้หนู, แตงกวา, แผ่นแป้งแหนมเนือง

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1.มันฝรั่งต้มบด 100 กรัม
2.น้ำตาลทราย 50 กรัม
3.เต้าเจี้ยวอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ
5.ถั่วลิสงบด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำทุกอย่างมาต้มรวมกัน (ยกเว้นถั่วลิสงบด) ปรุงรสชาติให้มีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ตามชอบ
2. ปล่อยให้เย็น นำมาปั่นอีกครั้ง ตักเสิร์ฟโรยด้วยถั่วลิสงบด

2009-05-26

ยำมะระกุ้งสด

ยำมะระกุ้งสด

เครื่องปรุง
1.มะระ 1/2 ลูก
2.กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว
3.หอมแดงซอย 3 หัว
4.พริกขี้หนู 5 เม็ด
5.น้ำมะนาว 1 ช้อน
6.น้ำปลา 1 ช้อน
7.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
8.มะเขือเทศ ผักกาดหอม แครอทหั่นฝอย ตกแต่งจาน

วิธีทำ
1. นำมะระที่ผ่าครึ่งตามแนวนอนแล้วหั่นบางๆ ลงลวกในน้ำเดือดจนสุก แล้วตักออกพักไว้
2. เอากุ้งแชบ๊วยที่ผ่าหลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วลงไปลวกให้สุกเช่นกัน พักไว้
3. ทำน้ำยำโดย ตำพริกขี้หนูแล้วนำเอาเครื่องปรุงส่วนผสมอื่นๆ มาใส่รวมกัน
4. แล้วนำน้ำยำมาคลุกกับกุ้งและมะระให้ทั่ว ชิมรสชาติให้กลมกล่อม ออกรสเปรี้ยว หวาน เค็ม
5. ตกแต่งจานด้วยมะเขือเทศ ผักกาดหอม และแครอท แล้วเสิร์ฟได้ทันทีสำหรับคนที่กลัวว่ามะระจะขมจัดจนกินไม่ได้นั้นมีคำแนะนำว่า ต้องรอให้น้ำเดือดจัดๆ เสียก่อนแล้วจึงนำมะระไปลวก รับรองว่า “ยำมะระกุ้งสด” จานนี้อร่อยเด็ดแน่ๆ

2009-05-22

ข้าวยำปักษ์ใต้

ข้าวยำปักษ์ใต้

เครื่องปรุง :
ข้าวสวย 6 1/2 ถ้วยตวง 780กรัม
ข้าวตากแห้งทอด 3 ถ้วยตวง 167กรัม
กุ้งแห้งป่น 1 1/2 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ 73 กรัม
มะพร้าวขูดคั่ว 1 1/0 ถ้วยตวง + 1 ช้อนโต๊ะ 96กรัม
น้ำมะนาว 5/6 ถ้วยตวง 96กรัม
พริกป่น 5/6 ช้อนโต๊ะ 8.3กรัม
น้ำบูดูปรุงรส 3/4 ถ้วยตวง + ช้อนโต๊ะ 250 กรัม
ผักสด / ผลไม้ถั่วฝักยาวซอยบาง 3 1/2 ถ้วยตวง 249 กรัม
ถั่วงอกเด็ดหาง 5 1/4 ถ้วยตวง 395กรัม
แตงกวาผ่าสี่ 1 5/6 ถ้วยตวง 181กรัม
ใบมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง 11กรัม
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ถ้วยตวง + 3 ช้อนโต๊ะ 120 กรัม
ใบชะพลูหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง 27กรัม
ส้มโอแกะเป็นกลีบเล็กๆ 3 3/4 ถ้วยตวง 454กรัม

ส่วนผสมน้ำบูดูปรุงรส
น้ำบูดูเค็ม 1/2 ถ้วยตวง 125 กรัม
น้ำตาลปี๊ป 1 ถ้วยตวง + 1 ช้อนชา 190กรัม
ตะไคร้ทุบ (หั่นเป็นท่อน) 14 ท่อน (ขนาดยาว 3 เซนติเมตร) 30 กรัม
ข่าทุบ (หั่นเป็นท่อน) 11 ท่อน 18กรัม
ใบมะกรูด 10 ใบ 3.7กรัม
หัวหอมแดงทุบ 1/3 ถ้วยตวง 57.7กรัม
น้ำ 2 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ 505กรัม

วิธีทำน้ำบูดู
-ตวงน้ำบูดูเค็มกับน้ำเปล่าใส่ภาชนะ ใส่ตะไคร้ทุบ (หั่นเป็นท่อน) ข่าทุบ หัวหอมแดงทุบ ใบมะกรูด น้ำตาลปี๊ป ต้มจนเดือดประมาณ 30 นาที ยกลงกรองเอากากทิ้ง
-นำไปเคี่ยวต่ออีก 45 นาที ใช้ไฟอ่อน แล้วตั้งทิ้งให้เย็น กรอกใส่ขวดเก็บไว้รับประทานวิธีเตรียมเครื่องข้าวยำ
-หุงข้าวให้สวย
-มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง ทิ้งให้เย็นเก็บในภาชนะมีฝาปิดจะได้กรอบ
-กุ้งแห้ง พริกขี้หนูแห้งป่นละเอียด
-นำข้าวตากแห้งมาทอดพอเหลือง ผึ่งให้เย็น และสะเด็ดน้ำมันเก็บในภาชนะมีฝาปิดจะได้กรอบ
- ผักสด / ผลไม้ นำมาหั่นซอย หรือหั่นบางๆ ตามชนิดของผัก ถ้าเป็นส้มโอ แกะเป็นกลีบเล็กๆ
-ตักข้าวใส่จานใส่ข้าวทอด มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ผักต่างๆ และส้มโอไว้รอบๆข้าวสวย ใส่พริกป่นคลุกให้เข้ากัน เมื่อพร้อมรับประทานจึงราดด้วยน้ำบูดู (ปริมาณของเครื่องปรุงข้าวยำมีหลายอย่างต้องจัดให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ เมื่อคลุกแล้วจะรับประทานได้รสกลมกล่อมพอดี)

หมายเหตุ
-ส่วนผสมของน้ำบูดูปรุงรส เช่น ตะไคร้ ข่า หอมแดง ใบมะกรูด น้ำตาลปี๊ปจะช่วยให้น้ำบูดูมีกลิ่นหอม ไม่เหม็นคาวช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้
-ลักษณะของน้ำบูดูปรุงรสจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีรสเค็มและหวานมีความเหนียวคล้ายน้ำตาลไหม้
-น้ำบูดูเค็มบรรจุขวดมีขายตามร้านอาหารชาวใต้ทั่วไปสามารถซื้อนำมาปรุงรสเองได้หรือต้องการชนิดปรุงสำเร็จก็มีบรรจุขวดขาย-ผักที่ใช้รับประทาน ควรเป็นผักสดจะได้รสหวานของผักและความกรอบ
-ส้มโอควรเป็นส้มโอที่มีรสเปรี้ยวตำรับนี้รับประทานได้ ประมาณ 13 คนข้าวยำปักษ์ใต้ ประมาณ 2660 กรัม น้ำบูดูปรุงรส ประมาณ 260 กรัม1 หน่วยบริโภค = ประกอบด้วย ข้าวสาร 60 กรัม ผัก / ผลไม้สด = 110 กรัม น้ำบูดูปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ (~20 กรัม) เครื่องเคียงอื่นๆ = 30 กรัม

2009-05-21

ปลาหมึกผัดเผ็ด

ปลาหมึกผัดเผ็ด

เครื่องปรุง
ปลาหมึกสด 3 – 5 ขีด
พริกแห้ง 7 เม็ด
ข่า หั่น 1/2 ช้อนชา
ตะไคร้ หั่น 1 ช้อนโต๊ะ
หอม 3 หัว
กะปิ 1/2 ช้อนชา
กระเทียม 1 หัว
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ผิวมะกรูด หั่น 1/2 ช้อนชา
ใบกะเพรา 14 ถ้วย
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำปลา 1.1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย

วิธีทำ
เอาพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม เกลือ กะปิ โขลกให้ละเอียด ปลาหมึกล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ใช้มีกกรีดไขว้กันเป็นตาราง กระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันเอาเครื่องน้ำพริกลงผัดให้หอม แล้วเอาปลาหมึกลงผัดต่อพอสุกใส่น้ำลงผสม ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล พอจะยกลงใส่ใบกะเพราลงผัดด้วย

2009-05-19

Gai Toon Sauce King (ไก่ตุ๋นซอสขิง - Stewed Chicken with Ginger Sauce)

Gai Toon Sauce King (ไก่ตุ๋นซอสขิง - Stewed Chicken with Ginger Sauce)


Ingredients
6-8 pieces of chicken drumsticks or thighs
350 grams ginger, sliced
350 grams carrot, cut into well pieces
1/2 onion, cut into well pieces
100 grams scallion, chopped
3-5 chilies, chopped
2 tablespoons oyster sauce
2 tablespoons soy sauce
2 tablespoons cooking wine
1 tablespoon sugar
2 cups water
cooking oil
coriander leaves (for garnishing)

Preparations
1. Heat oil in a wok. Wait until hot then add the chicken. Fried until nearly cooked then remove and drain.
2. In a big pot, heat water until hot. Add soy sauce, oyster sauce, sugar, cooking wine. Stir until all mixed well.
3. Add fried chicken, ginger, onion and carrot. Wait until boiling, then turn down the heat to low level. Simmer for at least 30 minutes.
4. Add scallion and chilies. Leave it for 3 minutes then remove the pot from heat. 5. Transfer stewed chicken to the serving plate. Garnish with coriander leaves and fresh scallion. Serve immediately with hot steamed rice.

2009-05-18

กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

พริกขี้หนู เป็นพริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอมมากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่าถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้นอาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

เครื่องปรุง
1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด

2. เห็ดหอมสด 1 ขีด
3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ
4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด

2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัดเติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จานกินกับข้าวกล้องร้อนๆ

กุ้งผัดกระเทียมจานนี้จะมีกลิ่นหอมมากกว่าธรรมดา เพราะว่าเราใช้กุ้งย่างแทนกุ้งสด

กระเทียม - ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียพริกขี้หนู - มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวช่วยป้องกันโรคหัวใจ เลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือดเห็ดหอม - สามารถยับยั้งโรคมะเร็งกุ้ง - เพิ่มน้ำนมข้าวกล้อง - มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา


2009-05-15

ผัดผักรวมกับงา

ผัดผักรวมกับงา

เครื่องปรุง
กุ้งแชบ๊วยหั่นชิ้น 100 กรัม
เห็ดฟาง 5 ดอก
กะหล่ำปลี 1/4 หัว
ผักไผ่หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 3 หัว
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ล้องเห็ดฟาง กะหล่ำปลี เฉือนเอาโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก หั่นเป็นชิ้นบางตามยาว กะหล่ำปลีหั่นหยาบๆ
2. ต้มน้ำให้เดือด ลวกเห็ดฟางและกะหล่ำปลีพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้
3. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันมะกอกให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล
4. ใส่เนื้อกุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ยกลง ใส่น้ำมะนาว เคลาให้เข้ากันเป็นน้ำยำ
5. เมื่อจะรับประทาน ใส่ผักลวกลงในอ่างผสม ใส่ผักไผ่และน้ำยา เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรงงาขาว เสิร์ฟ


คุณค่าทางอาหาร
งา เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์
สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อย ชาวมังสวิรัติจึงใส่งาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น

ในเมล็ดงามีน้ำมันมาก จึงสกัดออกมาเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น

งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญโดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง อีกทั้งยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิเจนแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง

เลือกซื้อเมล็ดงาดำและงาขาวที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อซึ้อมาแล้วให้เก็บใส่ขวด ปิดฝา เมื่อจะใช้ให้คั่วในปริมาณที่พอใช้ เท่านั้น เพราะถ้าคั่วทิ้งไว้กลิ่นจะไม่หอมและเหม็นหืน

2009-05-13

แกงเลียงข้าวโพด

แกงเลียงข้าวโพด

เครื่องปรุง
ข้าวโพดฝานเอาเมล็ด 1 1/2 ถ้วย
กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว

กุ้งแห้งโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
บวบหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
แมงลักเด็ดเป็นใบ 1/4 ถ้วย
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
พริกไทยเม็ด 5 เม็ด
น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 2 ช้อนชา
น้ำซุปไก่ 2 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. โขลกหอมแดง พริกไทย กุ้งแห้ง กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ชักเส้นดำออก
3. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องที่โขลกในข้อ 1 คนให้ทั่ว
4. ใส่ข้าวโพดลงในหม้อ เคี่ยวพอข้าวโพดสุก ใส่ฟักทอง บวบ พอผักสุก ใส่กุ้ง
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ใบแมงลัก คนพอทั่ว ตักใส่ชาม เสิร์ฟร้อนๆ

คุณค่าของอาหาร
1. ข้าวโพด มีวิตามินเอ และเส้นใยอาหารมาก แก้อาการปัสสาวะลำบาก บำรุงกระเพาะ
2. กุ้ง เพิ่มน้ำนม
3. บวบ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำดี
4. แมงลัก แก้ท้องผูก
5. หอมแดง เป็นยาช่วยขับลมในลำไล้ ใช้แก้หวัด
6. พริกไทย แก้โรคปอดบวมในท้อง

หมายเหตุ อาหารจานนี้ ไม่เพียงมีโคลีนที่ได้จากข้าวโพดเท่านั้น ยังได้แคลเซียมจากกะปิสารลูตินและซีแซนตินในพริกไทย ซึ่งสารซีแซนตินนี้จะช่วยป้องกันความเสื่อมของเนื้อเยื่อดวงตาและถ้ากินแกงเลียงถ้วยนี้แล้ว ก็รับรองว่าช่วยไล่หวัดได้อย่างดีอีกด้วย

2009-05-11

แกงฟักทองใส่ใบแมงลัก

แกงฟักทองใส่ใบแมงลัก

เครื่องปรุง
1. ฟักทองหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
2. หมูสับ 1/4 ถ้วย
3. กุ้งสับ 2 ช้อนโต๊ะ
4. ปลาหมึกสับ 2 ช้อนโต๊ะ
5. แมงลักเด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย
6. กระเทียมบุบ 2 กลีบ
7. พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
9. น้ำปลา 21/2 ช้อนโต๊
10. น้ำซุป 2 ถ้วย

วิธีทำ

1. ผสมหมู กุ้ง ปลาหมึก ใส่พริกไทย ใส่น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ เคล้าให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำซุปลงหม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่กระเทียมบุบ ปั้นส่วนผสมข้อ 1 ใส่ ใส่ฟักทอง เดือดอีกครั้ง
3. ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา พอฟักทองสุกเปื่อย ใส่ใบแมงลัก ปิดไฟ


เมื่อรับประทานแกงฟักทองเข้าไปแล้ว จะได้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้
1. วิตามิน Aจากฟักทอง
2. โปรตีนจากเนื้อสัตว์
3. กระเทียม พริกไทย ซึ่ง 2 อย่างนี้ ช่วยในการขับลม และ ลดคลอเรสตอรอล
4. สารอาหารที่สำคัญและเป็นหลักของอาหารจานนี้ก็คือ ใบแมงลัก ซึ่งมีคุณค่าทางอาหาร ดังนี้


แมงลัก เป็นพืชล้มลุก ไม้พุ่มเตี้ย ใบสีเขียวโต ปลายใบแหลมริมใบเป็นจักสีแดง ออกดอกเรื่อๆ ออกดอกเป็นช่อ เป็นชั้นๆ มีกลิ่นหอมฉุน ดอกสีขาวม่วง
ส่วนที่ใช้ลำต้น ใบ เมล็ด


สรรพคุณ
ลำต้น ใช้ลำต้นสด นำมาต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาแก้ไอ ขับเหงื่อขับลม กระตุ้นและแก้ทางเดินโรคอาหาร ใบ ใช้ใบสด มาตำให้ละเอียดคั้นน้ำกิน เป็นยบยาแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้โรคท้องร่วง หรือใช้กากใบที่ตำทาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด
เมล็ด ใช้เมล็ดแห้ง เมื่อนำมาแช่น้ำจะเกิดการพองตัว แล้วใช้กินเป็นยาระบาย ลดความอ้วน ช่วยดูดซึมน้ำตาลในเส้นเลือด ขับเหงื่อและช่วยเพิ่มปริมาณของอุจจาระให้เป็ยเมือกลื่นในลำไส้

2009-05-08

ต้มยำกุ้ง TOM YAM KUNG

ต้มยำกุ้ง TOM YAM KUNG

ต้มยำเป็นการปรุงอาหารชนิดหนึ่งของคนไทยประเภทน้ำแกง เครื่องเทศที่ขาดไม่ได้เลย คือ
..........ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้ หนูน้ำมะนาว..........
ต้มยำทำได้หลายชนิดมีทั้งต้มยำปลาต้มยำเห็ดต้มยำไก่และต้มยำกุ้งสำหรับต้มยำกุ้งนับเป็นอาหารไทย
ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกทั้งในแง่ความอร่อยและยังเป็นอาหารจานสมุนไพรต้านมะเร็งอีกด้วย
ต้มยำกุ้งตำรับดั้งเดิมนั้นน้ำแกงใสมีกลิ่นหอมปัจจุบัยต้มยำกุ้งถูกดัดแปลงให้น้ำข้นสีสวยด้วยน้ำพริกเผาหรือบาง
ครั้งก็เติมน้ำกะทิหรือนมสดลงไป

เครื่องปรุงและวิธีทำต้มยำกุ้ง
เครื่องปรุง
กุ้งกุลาดำ น้ำหนักตัวละ 100 กรัม 5 ตัว
เห็ดฟางผ่าครึ่ง 100 กรัม
พริกขี้หนูสวนทุบพอแตก 10 เม็ด
ข่าอ่อนหั่นแว่น 5 แว่น
ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำปลา 3 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 3 ถ้วย


วิธีทำ
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก
2. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เดือดอีกครั้ง
3. ใส่กุ้ง เห็ดฟาง พอกุ้งสุกเป็นสีชมพู เดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ใส่พริกขี้หนู ยกขึ้น
4. ตักใส่ชาม รับประทานร้อน ๆ

2009-05-06

แกงส้มปลาช่อน เพื่อสุขภาพ

"แกงส้ม"เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำแต่ก็มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน โปรตีนจากปลา คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน เพราะประกอบไปด้วยผักหลายชนิด
................กล่าวคือ มีทั้งกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก วิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งมีหน้าที่บำรุงเลือด วิตามินเอ บำรุงสายตา วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 มีเส้นใยและกากใยช่วยย่อยอาหารและทำให้กระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดและยังสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

เครื่องปรุง
1. ปลาช่อน ควรจะเป็นปลาช่อนนาที่เลี้ยงโดยธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการซื้อปลาช่อนเลี้ยง แล้วนำมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้น ๆ ส่วนหนึ่งนำไปทอดในน้ำมันให้กรอบ อีกส่วนหนึ่งนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก(หรืออาจจะยังไม่ต้องต้มก็ได้)
2. ดอกแค เลือกเอาดอกอ่อนๆ แล้วควักเอาเกสรออก ล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้
3.ผักกวางตุ้ง เด็ดเป็นใบๆ ล้างน้ำผ่านให้สะอาด หั่นเป็นท่อนทั้งใบและก้าน แล้วแช่น้ำพักไว้
4. ดอกกะหล่ำ หั่นเป็นช่อเล็กๆ แล้วแช่น้ำไว้ทิ้งไว้
5. ผักบุ้ง นำไปล้างน้ำผ่านให้สะอาด แล้วเด็ดเป็นท่อนๆ
6. หัวไชเท้า ปอกเปลือกก่อนแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด หั่นตามยาวเป็นท่อนเล็ก พอดีคำ
7. ถั่วฝักยาว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นท่อนๆ
8. ผักกระเฉด เด็ดฟองน้ำนุ่มๆ ที่เรียกว่า "นม" ออกเสียก่อน แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด เด็ดเป็นท่อนๆ

เครื่องแกง
1. พริกแห้ง เลือกเอาเม็ดใหญ่ๆ แล้วแช่น้ำไว้
5. เกลือ นิดหน่อย
2. หอมแดงปอกเปลือกออก แล้วซอยบางๆ
6. น้ำมะขามเปียก
3. กระชาย นำมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
7. น้ำตาลปี๊บ นิดหน่อย ไม่ต้องมาก
4. กะปิอย่างดี
8. น้ำปลาอย่างดี
...........นำเครื่องแกงทั้งหมด (จำนวนใส่ตามความพอใจ) ใส่ครก แล้วโขลกให้ละเอียด ควรใส่เกลือนิดหน่อยขณะโขลก เพราะว่าจะทำให้โขลกง่ายขึ้น เป็นอันเสร็จ (บางคนอาจจะใส่ปลาย่างลงไปก็ได้)

วิธีทำ
1. นำน้ำใส่หม้อแล้วไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วนำเครื่องแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้มให้เดือด จนมีกลิ่นหอมออกมา
2. เติมน้ำปลาและน้ำมะขาม แล้วชิมรส จนพอใจ
3. นำปลาช่อนที่ยังไม่ได้ต้มใส่ลงไป เวลาใส่ปลาลงไปน้ำจะต้องเดือด ไม่เช่นนั้นแล้วจะเหม็นคาวทันที บางคนอาจจะเอาปลาช่อนไปต้มก่อน แล้วเอามาโขลกรวมกับเครื่องแกงก็ได้ หรือจะเอาปลาช่อนไปทอดแล้วเอามาใส่ก็ได้เหมือนกัน
4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป ควรใส่หัวไชเท้าก่อน เพราะสุกยากที่สุด แล้วต่อไปก็ใส่ดอกกะหล่ำ ผักกวางตุ้ง ถั่วฝักยาว ดอกแค และสุดท้ายใส่ผักบุ้งเพราะจะสุกง่ายที่สุด
5. เป็นอันเสร็จแกงส้มปลาช่อน ควรรับประทานกับปลาสลิดทอดจะอร่อยมาก


2009-03-11

วิธีทำข้าวขาหมูหรือขาหมูพะโล้

ข้าวขาหมู

วิธีทำข้าวขาหมูหรือขาหมูพะโล้รสชาติกลมกล่อม เสริฟพร้อมไข่และผักกาด

เครื่องปรุง

ขาหมู 1 ขา
ไข่ต้ม 4 ฟอง
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชยป่น ½ ช้อนชา
โป๊ยกั๊กป่น 1 ช้อนชา
ผงพะโล้ ½ ช้อนชา
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 2 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 5 ถ้วย

เครื่องปรุงพริกดอง

น้ำส้มพริกสด 5-6 เม็ด
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู1/4 ถ้วย

เครื่องเคียงผักกาดดอง

1 ห่อผักชีสำหรับตกแต่งโรยหน้า

วิธีทำขาหมู

1. นำขาหมูมาล้างให้สะอาดและซับน้ำให้แห้ง จากนั้น เปิดไฟปานกลาง ตั้งหม้อใบใหญ่ ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันเริ่มร้อนก็เอาขาหมูลงไปทอด
2. ใส่น้ำมันหอยและซีอิ้วขาวลงไปอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ทอดจนขาหมูเหลืองทั้งสองด้าน จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไป
3.ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ยกเว้นน้ำตาลปี๊ปและน้ำตาลทรายลงไป คนให้เครื่องปรุงต่างๆ เข้ากัน เคี่ยวไปประมาณ 45 นาที
4. ปลอกเปลือกไข่ต้ม และใส่ลงไปในหม้อ ลดไฟเป็นไฟอ่อน ปิดฝา เคี่ยวต่อไปอีก 1 ชั่วโมง
5. ใส่น้ำตาลปี๊ปและน้ำตาลทรายลงไป คนจนน้ำตาลละลายหมด ปิดฝาเคี่ยวต่อไป ระหว่างเคี่ยวหมั่นกลับขาหมู เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือจนขาหมูสุกนุ่มตามความชอบเลยค่ะ

วิธีทำพริกน้ำส้ม
1.เด็ดขั้วพริกและมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำมาหั่นเป็นท่อน จากนั้นนำไปโขลกพอแหลก
2. ใส่เกลือป่นลงในถ้วยผสม ใส่พริกที่โขลกแล้วลงไป แล้วจึงเติมน้ำส้มสายชู จากนั้นคนให้ทั่วจนเกลือละลายและส่วนผสมเข้ากันดี

วิธีทำเครื่องเคียง - ผักกาดดอง
1. นำผักกาดดองนำมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
2. เปิดเตาที่ไฟแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปประมาณ 3 ถ้วย ต้มจนน้ำเดือด จึงเอาผักกาดดองที่หั่นไว้ใส่ลงไปต้มผักกาดดองประมาณ 5 นาที ก็เทน้ำออก สะเด็ดน้ำขึ้นมาใส่ชามพักไว้
วิธีเสริฟตักข้าวใส่จาน นำขาหมูมาหั่นเป็นชิ้น วางลงบนข้าว นำไข่ที่ผ่าแล้ววางลงไป ใส่ผักกาดดองซอย แล้วราดน้ำลงไปตามชอบ โรยหน้าด้วยผักชี และเสริฟพร้อมพริกน้ำส้มที่เตรียมไว้
หรือจะเสริฟเฉพาะขาหมูพะโล้กับไข่ก็ได้ค่ะ

2009-03-07

สูตรโจ๊กหมูอย่างง่าย

โจ๊กหมู

สูตรโจ๊กหมูอย่างง่าย

เครื่องปรุง

ข้าวสวย 2 ถ้วย
หมูสับ 250 กรัม
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ซุปไก่ก้อน ½ ก้อน
ผักชี 2 ต้น
ต้นหอม 1
ต้นขิง ½ แง่ง
ไข่เยี่ยวม้า 2 ฟอง
น้ำเปล่า 4 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำหมูสับมาผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ คือน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น คลุกเคล้าเครื่องปรุงให้เข้ากับหมูสับ พักไว้
2. ตัดรากต้นหอมและผักชี ปลอกเปลือกขิง นำไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วซอยต้นหอม-ผักชีให้ละเอียด ส่วนขิงนำมาซอยเป็นเส้นๆ พักไว้
3. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อประมาณ 2 ถ้วย พอน้ำเดือด ใส่ซุปไก่ก้อนลงไป นำข้าวสวยใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำลงไป 1 ถ้วย แล้วปั่นให้ละเอียด จากนั้น นำไปใส่ในหม้อ
4. คนให้เข้ากัน ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน แล้วเคี่ยวต่อไปประมาณ 15 นาที หมั่นคนเป็นระยะจนข้าวนิ่ม แล้วยกลง
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าประมาณ 1 ถ้วยลงไปในหม้ออีกใบ พอน้ำเดือดให้นำหมูสับที่ปรุงรสไว้ใส่ลงไป รอจนหมูสุก เติมซีอิ้วขาวลงไป 1 ช้อนโต๊ะ
6. นำข้าวที่ต้มไว้ใส่ลงไปในน้ำซุป คนให้ทั่ว ชิมรสตามชอบ ก็ปิดเตาและยกลง ปลอกเปลือกไข่เยี่ยวม้าแล้วหั่นลูกละ 6 ส่วน
7. ตักโจ๊กหมูใส่ถ้วย วางไข่เยี่ยวม้าลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอม-ผักชีซอย ขิงซอย และพริกไทยป่นตามชอบ จากนั้นก็ยกเสริฟตอนร้อนๆ ได้เลยค่ะ

2009-03-03

ข้าวผัดแหนม

ข้าวผัดแหนม

วิธีทำข้าวผัดแหนมไว้เป็นอาหารจานด่วนของครอบครัว

เครื่องปรุง
ข้าวสวย 4 ถ้วย
แหนม 2 แท่ง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
หัวหอมใหญ่ ½ หัว
กระเทียมกลีบใหญ่ 3 กลีบ
ผักกาดหอม 4 ใบ
มะเขือเทศ 1 ลูก
ต้นหอม 3 ต้น
ผักชี 1 ต้น
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกหัวหอมใหญ่ กระเทียม ตัดก้านต้นหอม ผักชี และผักกาดหอม นำผักทั้งหมดไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นหัวหอมใหญ่เป็นลูกเต๋าเล็กๆ สับกระเทียมให้ละเอียด หั่นต้นหอมเป็นท่อน หั่นมะเขือเทศเป็นแว่น และเด็ดผักชีเป็นใบๆ
2. หั่นแหนมเฉียงๆ เป็นชิ้นขนาดพอคำ (ถ้ามีพริกในแหนมก็ให้หั่นเป็นท่อนแล้วใส่ลงไปผัดพร้อมหัวหอมใหญ่และกระเทียมสับได้เลยค่ะ) จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำหัวหอมใหญ่หั่นเต๋าและกระเทียมสับลงไปผัดให้หอม (สังเกตหัวหอมใหญ่เริ่มใส)
3. ใส่แหนมที่หั่นไว้ลงไปผัดไปซักพัก พอแหนมเริ่มสุกให้ทำหลุมตรงกลางกระทะ ตอกไข่ลงไป ตีไข่ให้กระจาย จากนั้นก็เติมเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายลงไป (พยายามโรยเครื่องปรุงให้ทั่วๆ นะคะ)
4. รอจนไข่เริ่มสุกก็กลับด้านไข่ (ควรรอให้ไข่เริ่มแห้งก่อนค่อยผัดต่อนะคะ ไม่อย่างนั้นไข่จะเละหมด) พอไข่สุกให้ใส่ข้าวสวยลงไป เติมน้ำมันหอย ผัดเครื่องทั้งหมดกับข้าวให้เข้ากัน
5. โรยต้นหอมลงไป ผัดข้าวให้ทั่วแล้วปิดเตา6. จัดผักกาดหอมและมะเขือเทศวางบนจาน ตักข้าวลงไป โรยหน้าด้วยผักชี จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ

2009-02-27

ข้าวมันไก่

ข้าวมันไก่

วิธีทำข้าวมันไก่เป็นอาหารจานเดียวที่อิ่มอร่อยของครอบ

เครื่องปรุง
สะโพกหรืออกไก่ 800 กรัม
ข้าวสาร 3 กระป๋อง
เกลือป่น ½ ช้อนชา
ขิงฝานเป็นแว่น 6 แว่น
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 2 ต้น
แตงกวาลูกใหญ่ 1 ลูก
น้ำเปล่า 7 ถ้วย

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
เต้าหู้ยี้ 2 ก้อนเล็ก
น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกสด 2 เม็ด

วิธีทำข้าวมันไก่
1. นำไก่มาล้างน้ำให้สะอาด ตัดหนังส่วนที่เกินออกมา หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาไว้เจียวน้ำมัน
2. ปลอกเปลือกกระเทียมและขิง นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมมาสับให้ละเอียด ส่วนขิงก็ฝานเป็นแว่นๆ
3. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำหนังไก่ที่หั่นไว้ไปเจียว ให้ได้น้ำมันออกมา (สังเกตว่าหนังไก่จะเหลืองกรอบก็ตักหนังไก่ขึ้นมาให้หมด) นำกระเทียมที่สับไว้ลงไปเจียวให้เหลืองหอม
4. เมื่อกระเทียมเหลืองได้ที่แล้วก็ให้นำน้ำมันกระเทียมเจียวใส่ลงไปในข้าวสารที่ซาวไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ให้ใส่ขิงฝานและเกลือป่นตามลงไป
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อประมาณ 5 ถ้วย รอจนน้ำเดือดจึงนำไก่ที่เตรียมไว้ลงไปต้ม จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟอ่อนแล้วต้มไก่ไปเรื่อยๆ จนน้ำซุปเริ่มเดือด ให้ตักน้ำมันที่ลอยหน้าออกมาใส่ในหม้อหุงข้าว
6. จากนั้นก็เติมน้ำซุปที่ต้มไก่ลงไปในหม้อหุงข้าวประมาณ 3 ถ้วย คนให้เครื่องเข้ากันจึงนำข้าวไปหุงในหม้อหุงข้าวตามปกติ
7. เติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อต้มไก่อีกประมาณ 2 ถ้วยหรือจนท่วมไก่ ต้มไก่ไปเรื่อยๆ ประมาณ 45 นาทีหรือจนไก่สุก เมื่อไก่สุกแล้ว ก็ให้นำขึ้นมาเลาะกระดูกออก ตีเนื้อให้นิ่ม แล้วจึงสับเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้เสริฟพร้อมข้าวมัน

วิธีทำน้ำจิ้ม
1. ปลอกเปลือกกระเทียมและขิง เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมและขิงมาสับให้ละเอียด ซอยพริกเป็นชิ้นเล็กๆ และนำเครื่องทั้งหมดใส่ไว้ในถ้วยผสม
2. เติมเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ เต้าหู้ยี้ น้ำตาลทราย และน้ำส้มสายชู ลงไป ผสมเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้เสริฟพร้อมข้าวมันไก่
วิธีเสริฟ
1. ตัดก้านผักชี ปลอกเปลือกแตงกวา นำไปล้างให้สะอาด นำผักชีมาซอยให้ละเอียด ส่วนแตงกวาก็หั่นเป็นแว่นๆ
2. ปรุงรสน้ำซุปไก่ด้วยซีอิ้วขาวและน้ำตาลทรายให้รสชาติกลมกล่อม ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกไทยป่นและผักชีซอย เตรียมไว้เสริฟพร้อมข้าวมันไก่
3. ตักข้าวใส่จาน นำไก่ที่หั่นไว้วางลงไปบนข้าว วางแตงกวาที่หั่นไว้ข้างๆ จากนั้นก็เสริฟพร้อมกับน้ำจิ้มและน้ำซุปที่เตรียมไว้ได้เลยค่ะ

2009-02-25

สปาเก็ตตี้เขียวหวานไก่

สปาเก็ตตี้เขียวหวานไก่

วิธีทำสปาเก็ตตี้ประยุกต์กับแกงเขียวหวานเป็นอาหารจานเดียวที่อิ่ม

เครื่องปรุง
เส้นสปาเก็ตตี้ 400 กรัม
เนื้ออกไก่ 300 กรัม
ข้าวโพดอ่อน 1 กระป๋อง
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา ½ ถ้วย
พริกสด 2 เม็ด

วิธีทำ
1. นำเนื้อไก่มาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ จากนั้น นำใบโหระพา และพริกสดไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วเด็ดใบโหระพาเป็นใบๆ และหั่นพริกเฉียงๆ พักไว้ ส่วนข้าวโพดอ่อนนำมาหั่นเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว
2. เปิดเตาที่ไฟแรง นำน้ำเปล่าใส่กระทะประมาณ 6 ถ้วย รอจนน้ำเดือด นำเส้นสปาเก็ตตี้ลงไปต้มประมาณ 15 นาทีหรือจนเส้นสุก (อย่าต้มนานเกินไปจนเส้นนิ่มมากนะคะ) เมื่อเส้นสุกได้ที่แล้วให้เทน้ำที่ต้มทิ้งไป เปิดน้ำล้างอีกที สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำมันลงไปคลุกไม่ให้เส้นติดกันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะและพักไว้
3. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำหัวกะทิใส่ลงในกระทะประมาณ ½ ถ้วย (ไม่ต้องคนกะทิก่อนเทนะคะ จะได้ส่วนบนเป็นหัวกะทิ) รอจนหัวกะทิเดือดก็ใส่น้ำพริกแกงเขียวหวานลงไป ผัดให้น้ำพริกกับกะทิเข้ากัน รอจนกะทิแตกมัน (หมั่นคนเป็นระยะนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวก้นจะไหม้)
4. เมื่อกะทิแตกมันได้ที่แล้วจึงใส่เนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงไป ผัดจนไก่สุก ทะยอยเติมกะทิที่เหลือลงไปครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นให้นำข้าวโพดอ่อนที่หั่นไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่กะทิที่เหลือลงไปจนหมด
5. รอจนกะทิเดือดอีกครั้ง ก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มไว้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) และน้ำตาลทราย ผัดให้เครื่องทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงใส่ใบโหระพา และพริกหั่นลงไป คนให้ทั่ว ปิดเตาและยกลงได้
6. ตักใส่จาน จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ

Tip: อาจจะเปลี่ยนจากเนื้อไก่ไปใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัวแทนก็ได้ ตามความชอบค่ะ

2009-02-20

วิธีทำหมูหวานสำหรับเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ

หมูหวาน
วิธีทำหมูหวานสำหรับเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ

เครื่องปรุง
เนื้อหมูสามชั้น 350 กรัม
ซีอิ้วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลปึก 3 ½ ช้อนโต๊ะ
หัวหอมแดง 3 หัว
น้ำเปล่า ½ ถ้วย

วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนหัวหอมแดงปลอกเปลือกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น ซอยบางๆ พักไว้
2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำเปล่าใส่หม้อต้มให้เดือด ใส่เนื้อหมูลงไป พอเนื้อหมูเริ่มสุกให้ใส่เครื่องปรุงคือ ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรสลงไป
3. คนเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน และเคี่ยวหมูไปประมาณ 30 นาทีโดยใช้ไฟอ่อนจนหมูนุ่ม
4. เมื่อหมูเริ่มนุ่มแล้วให้ใส่น้ำตาลปึกลงไป คนให้น้ำตาลละลายและเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15 นาที จากนั้น ใส่หัวหอมแดงซอยลงไป
5. คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ปิดเตา เตรียมไว้เสริฟพร้อม
ข้าวคลุกกะปิได้เลยค่ะ

Tip: น้ำตาลปึกควรจะใส่ทีหลังเครื่องปรุงอื่นๆ ก็เพราะว่าถ้าใส่น้ำตาลเร็วเกินไป น้ำตาลจะไปรัดเนื้อหมูจะทำให้เนื้อหมูแข็งได้

2009-02-18

ข้าวคลุกกะปิ

ข้าวคลุกกะปิ

วิธีทำข้าวคลุกกะปิพร้อมการจัดเตรียมเครื่องเคียง

เครื่องปรุง
ข้าวสวย 4 ถ้วย
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด 4-5 กลีบ
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องเคียง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ซีอิ้วขาว ½ ช้อนชา
แอ๊ปเปิ้ลเขียวลูกเล็ก 1 ลูก
หัวหอมแดง 3 หัว
กุ้งแห้งทอด ¼ ถ้วย
พริกสด 2 เม็ด
มะนาว 1 ลูกถั่ว
ฝักยาว 8 ฝัก

วิธีผัดข้าว
1. ตั้งกะทะที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกระเทียมสับลงไปเจียวจนเริ่มเหลืองและหอม
2. ใส่กะปิลงไปผัดกับกระเทียม พอกะปิเริ่มละลายให้นำข้าวสวยที่เตรียมไว้ลงไปผัด
(แบ่งข้าวเป็น 2 ส่วนนะคะ เวลาคลุกข้าวกับกะปิจะได้คลุกทั่วกันง่าย)
3. ผัดข้าวกับกะปิจนกะปิคลุกกับข้าวจนทั่ว ปิดเตา ยกลงและพักไว้

วิธีเตรียมเครื่องเคียง:
ไข่ฝอย
1. ตอกไข่ใส่ชาม ตีไข่ให้เข้ากัน (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟูมาก) ใส่ซีอิ้วขาวลงไปแล้วตีให้เข้ากันซักพัก จากนั้น ตั้งกระทะที่ไฟแรง ใส่น้ำมันลงไปประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ กลิ้งกระทะให้น้ำมันเคลือบกระทะจนทั่ว เมื่อกระทะร้อนได้ที่แล้วให้เทไข่ลงไป รีบเอียงกระทะให้ไข่กลิ้งไปจนทั่วกระทะ
2. ทิ้งไว้ซักพักจนขอบของไข่เริ่มล่อนออกจากกระทะแล้วก็ให้เริ่มม้วนไข่จนหมดแล้วตักขึ้นพักไว้
3. นำไข่ที่ได้ไปหั่นเป็นฝอยๆ แล้วพักไว้
กุ้งแห้งทอด

ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันเริ่มร้อนให้นำกุ้งแห้งลงไปทอดจนกุ้งแห้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็ตักขึ้นพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
ผักต่างๆ
1. ปลอกเปลือกหัวหอมแดง เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด ซอยหัวหอมแดงบางๆ ซอยพริกให้ละเอียด และหั่นมะนาวเป็นซีกเตรียมไว้
2. นำแอ๊ปเปิ้ลเขียวและถั่วฝักยาวมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลเขียว ฝานบางๆ แล้วซอยเป็นเส้นๆ นำไปแช่ในน้ำเย็นผสมเกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา ประมาณ 5 นาทีแล้วนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าและสะเด็ดน้ำออกเพื่อไม่ให้แอ๊ปเปิ้ลดำง่าย
3. นำถั่วฝักยาวมาตัดหัวตัดท้ายออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้น นำผักต่างๆ มาจัดใส่จานพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆ เตรียมไว้สำหรับเสริฟวิธีเสริฟตักข้าวใส่จาน วางเครื่องเคียงต่างๆ ได้แก่ ไข่ฝอย กุ้งแห้งทอด แอ๊ปเปิ้ลซอย หอมแดงซอย ถั่วฝักยาวซอย และตัก
หมูหวานใส่ถ้วยเล็กๆ หรือจะราดลงไปบนข้าวเลยก็ได้ แล้วแต่ความชอบ จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ


2009-01-26

กรอบแก้วกุ้งสด

กรอบแก้วกุ้งสด

เมนูนี้หน้าตาคล้ายคลึงกับหมี่กรอบราดหน้า แต่ส่วนประกอบไม่เหมือนกัน คุณค่าที่ได้จากผักอย่าง บลอคโคลี่ เห็ดหอม และเห็ดเข็มทอง ให้เส้นใยอาหาร วิตามิน ตลอดจนสารตกค้าง ที่น้อยกว่าผักคะน้าอย่างมาก ในขณะที่แครอทให้สารเบต้าแคโรทีนสูงเครื่องปรุง (ขนาดรับประทาน 1-2 คน )

ส่วนผสม
กุ้งสด 4 ตัว
เส้นหมี่ข้าวกล้อง (100 กรัม) 1+1/4 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมสด 2 ดอก
เห็ดเข็มทอง 1/4 ถ้วย
แครอทหั่นแว่น 1/4 ถ้วย
ถั่วลันเตา 1/4 ถ้วย
บลอคโคลี่ 1/2 ถ้วย
ข้าวโพดอ่อน 1/4 ถ้วย
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนชา
น้ำซุป 3/4 ถ้วย
เต้าเจี้ยวดำ น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่น

วิธีทำ
1. ล้างกุ้งให้สะอาดเอาเส้นดำกลางตัวออก แช่เห็ดหอมในน้ำจนนิ่ม นำเส้นหมี่ข้าวกล้องแช่น้ำประมาณ 5 นาที ตักขึ้นผึ่งให้หมาด นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดจนเหลืองกรอบ
2. เจียวกระเทียมให้หอม ใส่กุ้งลงผัดพอสุก
3. เติมแครอท ข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง บลอคโคลี่ และน้ำซุป ปรุงรสด้วยเครื่องปรุง ปรับแต่งรสชาติตามชอบใจ
4. ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าเล็กน้อย เติมลงในส่วนผสม เมื่อสุก ตักราดลงบนเส้นหมี่
5. เสริฟ์ขณะร้อน

2009-01-23

ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอย

ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอย

ส่วนผสม
ถั่วพูหั่นฝอย 2 ถ้วย
กุ้งฝอย ½ ถ้วย
น้ำมันสำหรับ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
เจียวกระเทียมในน้ำมันจนหอม ใส่กุ้งฝอย ใส่กุ้งฝอยลงผัดพอสุก ใสถั่วพูลงผัด (ใช้ไฟแรง) เติมน้ำเปล่า ใส่ซีอิ๊วขาว ตักขึ้นรับประทานร้อน ๆ

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย
ส่วนผสม
ปลาเนื้ออ่อน 3 ตัว
กระเทียม ¼ ถ้วย
พริกไทย 10 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ
1. ตำกระเทียม พริกไทย เกลือ ให้ละเอียด และทาตัวปลาให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 -30 นาที แล้วปาดกระเทียมที่หมักตัวปลาเก็บไว้ นำปลาลงทอดในน้ำมันร้อนจนสุกเหลืองตักขึ้นซักน้ำมัน
2. นำกระเทียมลงเจียวให้เหลืองกรอบและราดบนตัวปลา

H & C Tips
· ต้องรอให้น้ำมันร้อนก่อนจึงใส่ปลา จะช่วยให้ปลาไม่ติดกระทะ
· ไม่นำกระเทียมลงทอดพร้อมกับปลาเพราะกระทียมจะไหม้ก่อนปลาสุก

2009-01-22

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอย แกงเหลืองมะละกอกับสับปะรด

มื้อเย็น ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอย แกงเหลืองมะละกอกับสับปะรด

มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารรสอร่อยพื้นบ้านของไทย เช่น ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย เป็นปลาน้ำจืดที่มีโปรตีนสูง ถ้าทอดกรอบยิ่งเคี้ยวจะยิ่งอร่อย ปรุงรสเข้มข้นด้วยกระเทียม พริกไทย เกลือ ควรใช้น้ำมันพืชที่ใช้สำหรับทอดโดยเฉพาะ เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันรำข้าว เพราะมีจุดทนความร้อนได้สูง ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและเกิดอนุมูลอิสระได้ง่ายเหมือนน้ำมันชนิดอื่น

ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอยเป็นผัดผักที่ทำง่ายและอร่อย ถั่วพูเป็นพืชไม้เลื้อยจำพวกถั่วที่ขึ้นง่าย ส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงจึงกินได้อย่างปลอดภัย เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง รวมทั้งวิตามินซี วิตามินอี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และฟอสฟอรัส เป็นอาหารสุขภาพที่ดี และ ควรรับประทานสุก เพราะดิบจะมีสารบางอย่างยับยั้งการเติบโตของร่างกายได้ เทคนิคความอร่อยของจานนี้อยู่ที่ต้องผัดไฟแรงและเร็ว ๆ จึงจะกรอบอร่อย

แกงเหลืองมะละกอกับสับปะรด แกงเหลืองเป็นอาหารของภาคใต้ ที่เรียกว่าแกงเหลือเพราใส่ขมิ้นมีสีเหลืองจัด ซึ่งช่วยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้อย่างดี และอาจจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะได้ด้วย แกงชามนี้มีรสครบทั้งเปรี้ยว เผ็ด หวาน ได้รสเปรี้ยวหวานจากสับปะรด ผลไม้ที่มีกากใยซึ่งช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ส่วนรสเปรี้ยวใส่ส้มแขกหรือมะขามแขก ผลไม้ยืนต้นของภาคใต้ที่มีรสเปรี้ยวนิยมใส่ในแกงอื่น ๆ ด้วยที่ต้องการรสเปรี้ยว มีสรรพคุณช่วยระบายท้อง จานนี้จึงเป็นจานสุขภาพรสเด็ดครบรส ซึ่งคนที่มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลกินได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ

2009-01-21

ข้าวปิ้งคล้ายกับข้าวคลุกกะปิ

มื้อกลางวัน ข้าวปิ้ง

ข้าวปิ้งมื้อกลางวันวันนี้คล้ายกับข้าวคลุกกะปิ แต่เครื่องเคียงน้อยกว่า เพราะใช้ข้าวผัดกับกะปิและกุ้งแห้งทอด ปรุงรสเผ็ด เค็ม เสน่ห์ของจานนี้อยู่ที่กลิ่นหอมของใบตองหอมติดข้าว รับประทานร้อน ๆ กับเห็ดหวานซึ่งเป็นเครื่องเคียงจะอร่อยยิ่งขึ้น มื้อกลางวันมื้อนี้ทำง่าย ๆ แต่เก๋และหอมชวนกินด้วยใบตอง มีวิตามินครบถ้วน

ข้าวปิ้ง
ส่วนผสม
ข้าวกล้องหุงสุก 2 -3 ถ้วย
กุ้งแห้งทอด ½ ถ้วย
น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 6 กลีบ
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบุบ 6 -7 เม็ด
เห็ดหอม (ใช้ทำเห็ดหวาน) 5 ดอก
ใบตองสำหรับห่อและไม้กลัด

วิธีทำ
1. ผัดกะปิกับกระเทียมในน้ำมันพอหอม ใส่ข้าวกล้องลงไปผัดรวมกัน แล้วจึงใส่กุ้งแห้งทอด น้ำตาล พริกขี้หนู ผัดให้เข้ากัน
2. ใช้ใบตองห่อข้าวที่ผัดแล้ว กลัดไม้กลัดให้เรียบร้อย นำไปปิ้งหรือย่างจนใบตองสุกหอม แกะใบตองออก รับประทานกับเห็ดหวานและพริกน้ำปลา

ส่วนผสมและวิธีทำเห็ดหอม
เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่มและหั่นเป็นชิ้นยาวบีบน้ำให้แห้ง พักไว้ กระเทียม 5 กลีบ รากผักชี 2 ราก ผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่เห็ดหอมลงผัดสักพัก ใส่น้ำตาลปึก ซีอิ้วขาวอย่างละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า ¼ ถ้วย ใช้ไฟอ่อนผัดจนเกือบแห้ง

2009-01-20

ขนมจีนน้ำยาเห็ด

ขนมจีนน้ำยาเห็ด
ส่วนผสม
เห็ดนางฟ้าสับละเอียด 500 กรัม
ถั่วเหลืองซีก ½ ถ้วย
น้ำเต้าหู้ 6 ถ้วย
เครื่องแกงแดง ½ ถ้วย
กระชายหั่นหยาบ 1 ถ้วย
น้ำปลาประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
ผักเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น มะระลวก ถั่วงอกลวก ผักกาดเค็มหั่นบาง ใบแมงลัก กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว
ส่วนผสมเครื่องแกงแดง
พริกชี้ฟ้าแห้ง 7 – 8 เม็ด
ข่า 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา
หอมเล็ก 5 -6 หัวใหญ่
กระเทียม 7 กลีบ
กะปิ 1 ช้อนชา
เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ
1. แช่ถั่วเหลืองซีกค้างคืนไว้ พักไว้สะเด็ดน้ำนำไปนึ่งให้สุกและตำให้ละเอียด พักไว้
2. ตำเครื่องแกงแดงให้ละเอียด ใส่กระชายที่หั่นไว้ลงตำรวมกันให้เข้ากันจนละเอียด แล้วนำลงละลายในน้ำเต้าหู้
3. นำน้ำเต้าหู้ตั้งไฟปานกลาง พอเดือดใส่เห็ดที่สับไว้และถั่วเหลืองซีกที่ตำละเอียดคนให้เข้ากัน ใช้ไฟอ่อนต้มจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ต้มต่ออีกสักพัก ชิมรสตักรับประทานกับขนมจีนและผักเครื่องเคียงต่าง ๆ


2009-01-19

อาหารไทยสุขภาพ 3 มื้อ

อาหารไทยสุขภาพ 3 มื้อ
อาหารไทย เป็นอาหารที่มีสมุนไพรต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบหลักและช่วยชูรส ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่ทำให้คนต่างชาติรู้จักและสร้างชื่อเสี่ยงไปทั่วโลก ขณะเดียวกันก็เป็นอาหารสุขภาพ เพราะสมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยรักษาร่างกายได้อย่างดี
เมนูวันนี้เป็นอาหารไทยอร่อยทั้งสามมื้อ ใช้เครื่องปรุงที่หาได้ง่ายนี่เอง

มื้อเช้า ขนมจีนน้ำยาเห็ด
มื้อกลางวัน ข้าวปิ้ง
มื้อเย็น ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย
ผัดถั่วพูกับกุ้งฝอย
แกงเหลืองมะละกอกับสับปะรด

มื้อเช้า ขนมจีนน้ำยาเห็ด

คนไทยในอดีตหรือคนที่อยู่ต่างจังหวัดในปัจจุบันไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงานเหมือนอยู่ในกรุงเทพ ฯ มักจะกินอาหารเช้าเป็นมื้อหนักเหมือนกับอาหารกลางวัน ตามหลัก โภชนาการถือว่าถูกต้อง เพราะหลังจากที่ร่างกายพักผ่อนและใช้พลังงานไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอขณะนอนหลับแล้ว ตื่นเช้ามาควรได้รับพลังงานเพื่อมีพละกำลังไปเริ่มต้นทำงานในวันใหม่

คนกรุงเทพ ฯ อาจจะกินอาหารเช้าเป็นมื้อหลักได้ในวันหยุดหรือเตรียมไว้ในตอนเย็น มื้อเช้าวันนี้อาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย แต่เป็นอาหารที่ทุกคนคุ้นเคย คือ ขนมจีนน้ำยา แต่เป็นขนมจีนน้ำยาเห็ด ซึ่งมีส่วนผสม ซึ่งเรามักใช้ปรุงเป็นอาหารเช้าอยู่แล้ว เช่น ใช้เห็ดแทนเนื้อปลา น้ำเต้าหู้แทนกะทิ และผสมถั่วเหลือซีก (ถั่วทอง) ลงไปอีกเพื่อให้เข้มข้นขึ้น รสชาติและกลิ่นสมุนไพรยังหอมอร่อยเหมือนเดิม โดยเฉพาะกระชาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ปวดมวนในท้อง ส่วนถั่วเหลืองมีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง เป็นแหล่งของธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม มีกากใบที่ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายเป็นปกติ และยังมีผักลวกต่าง ๆ เป็นเครื่องเคียง มื้อเช้านี้ดูเหมือนเป็นมื้อหนัก แต่ให้แคลอรี่ต่ำ และเป็นอาหารมังสวิรัติ ของคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ได้อย่างดี

ขนมจีนสูตรนี้จึงเป็นเมนูสุขภาพที่ให้แคลอรี่ต่ำ เพราะใช้น้ำเต้าหู้แทนกะทิ อีกทั้งทำให้รางกายได้ปลดจากเนื้อสัตว์บ้าง แต่ก็ยังให้โปรตีนจากถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้และเห็ดแทน

2009-01-14

ต้มปลาร้าหน่อไม้+หลนปลาร้า

หลนปลาร้า
ส่วนผสม
ปลาร้า 200 กรัม
ปลาดุกสด 1 ตัว
กะทิ 2 ½ ถ้วย
หัวหอม (หัวขนาดกลาง) 7 หัว
พริกชี้ฟ้าเขียว 2 -3 เม็ด
พริกขี้หนู 10 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ย่างพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู และหัวหอมจนสุกหอม หรือคั่วในกระทะก็ได้ พักไว้
2. นำกะทิตั้งไฟ ใส่ปลาร้า ต้มจนเดือดแล้วจึงใส่ปลาดุกลงไปต้มจนปลาดุกสุก ตักขึ้นและแกะเนื้อพักไว้ ส่วนน้ำกะทิกรองพักไว้ (เรียกว่าน้ำปลาร้า
3. โขลกพริก หัวหอมพอละเอียด ใส่เนื้อปลาดุกที่แกะลงตำรวมกันตักชามและค่อย ๆ ใส่น้ำปลาร้าลงไป เติมน้ำมะนาว คลุกให้เข้ากัน นำจะขลุกขลิก ชิมรส ถ้าไม่เค็ม เติมน้ำปลาเล็กน้อย รับประทานกับผักสดหรือผักลวกต่าง ๆ ตามชอบ
H & C Tip
· ปลาดุกควรสับแบ่งเป็นครั้งตัวก่อนนำไปต้ม จะสุกง่ายและแกะเนื้อได้สะดวก

ต้มปลาร้าหน่อไม้
ส่วนผสม
ปลาร้า 1 ถ้วย
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
กระดูกหมู 500 กรัม
ปลาย่าง 1 ไม้
หน่อไม้ไผ่หวาน 1 กิโลกรัม
กระชายซอย ½ ถ้วย
หัวหอม 5 หัว
ตะไคร้ซอยบาง ๆ 2 ต้น
พริกชี้ฟ้าเขียว – แดงบุบอย่างละ 2 -3 เม็ด
ใบมะกรูด 6 -7 ใบ
พริกไทยเม็ด ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปึก ½ ถ้วย
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 5 ถ้วย

วิธีทำ
1. ปอกเปลือกหน่อไม้แล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ต้มน้ำทิ้งหนึ่งครั้ง พักไว้
2. ต้มปลาร้าหนึ่งถ้วยและน้ำเปล่าหนึ่งถ้วย จนปลาร้าสุกนิ่ม กรองน้ำปลาร้าพักไว้
3. ปิ้งปลาย่างพอหอม แกะเฉพาะเนื้อไว้
4. ตำพริกไทยให้ละเอียด ใส่กระชาย หัวหอม ตะไคร้ ลงตำรวมกันให้ละเอียด แบ่งเนื้อ ปลาย่างที่แกะไว้ครึ่งหนึ่งลงตำรวมกันด้วย
5. ต้มกระดูกหมูกับน้ำจนสุกนิ่มประมาณ 30 นาที ตักเครื่องแกงที่ตำไว้ใส่ลงไปพร้อมกับหน่อไม้และปลาย่างที่เหลือ ใส่น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาล ต้มและเคี่ยวต่ออีกประมาณ 10 นาที ใส่พริกชี้ฟ้า และใบมะกรูดก่อนยกลง

H & C Tip
· ถ้าเลือกซื้อได้ ควรใช้ปลาร้าปลากระดี่ เพราะจะหอมอร่อยกว่าปลาร้าจากปลาอื่น ๆ
หมายเหตุ
· ถ้าไม่มีปลาเนื้ออ่อนย่าง จะใช้ปลาช่อนแห้งแทนก็ได้ แต่ปลาเนื้ออ่อนจะอร่อยกว่า

2009-01-13

ปลาร้าทอด+ปลาร้าสับ

ปลาร้าทอด
ส่วนผสม
ปลาร้า (ควรเป็นปลาช่อน) 1 ตัว
ไข่ 1 ฟอง
น้ำมันสำหรับทอด 4 ช้อนโต๊ะ
หัวหอม 8 -10 หัว
พริกขี้หนู 6 -7 เม็ด
มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
ตีไข่ให้ฟู นำปลาร้าลงชุบไข่ให้ทั่วชิ้น และลงทอดในน้ำมันร้อนจนสุกเหลือง ตัดขึ้นซับน้ำมัน โรยหัวหอมซอย พริกขี้หนู และบีบมะนาวให้ทั่วชิ้น

ปลาร้าสับ
ส่วนผสม
ปลาร้า 150 กรัม
ปลาดุกย่างแกะเนื้อ 1 ตัวเล็ก
ตะไคร้ซอยบาง ๆ 6 ต้น
กระชายซอยเป็นเส้น 100 กรัม
หัวหอมซอย (หัวขนาดกลาง) 10 หัว
กระเทียม 6 กลีบ
ข่าหั่นเป็นแว่น 4 แว่น
ใบมะกรูดซอย 4 -5 ใบ
ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 6 – 7 เม็ด
มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. สับปลาร้าทั้งชินให้ละเอียด ห่อใบตองแล้วนำไปปิ้งแห้งจนสุก พักไว้
2. สับตะไคร้ กระชาย หัวหอม กระเทียม ข่า ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนู รวมกันให้ละเอียด แล้วจึงใส่เนื้อปลาดุกและปลาร้าที่ปิ้งไฟลงสับรวมกัน ตักใส่ชามปรุงรสด้วยน้ำมะนาว คลุกเข้ากัน ชิมรส กินกับผักสดต่าง ๆ หรือผักลวกตามชอบ เช่น มะเขือเปราะ ผักกาดขาว แตงกวา ยอดอ่อนต่าง ๆ เป็นต้น

2009-01-12

ปลาร้า เป็นอาหารพื้นบ้านของไทย

ปลาร้า
ปลาร้า เป็นอาหารพื้นบ้านของไทยที่มีโปรตีนเต็มเปี่ยม ร่อยทั้งเนื้อและน้ำ โดยเฉพาะน้ำปลาร้านั้น เพียงเหยาะลงในแกงเล็กน้อย ก็ทำให้จานนั้นมีเสน่ห์ชวนกินทั้งกลิ่นและรสชาติ บางคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะรู้สึกว่ากลิ่นแรง แต่สำหรับบางคน เป็นเครื่องปรุงรสเด็ดที่ขาดไม่ได้
วิธีการทำปลาร้านั้นนับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยมาแต่โบราณอย่างหนึ่ง ที่รู้จักนำปลามาหมักเก็บไว้กินในยามขาดแคลน โดยเฉพาะในภาคีสานของไทย ฤดูฝนจะมีปลาชุกชุม แต่ฤดูแล้งนั้นจะแห้งแล้งจนไม่มีอะไรกิน ก็อาศัยปลาร้าที่หมักไว้เป็นโปรตีนชั้นเยี่ยม นำมาทำอะไรได้สารพัดอย่าง
ปลาที่นำมาทำปลาร้าใช้ปลาน้ำจืดได้เกือบทุกชนิด ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ เช่น ปลาสร้อย ปลากระดี่ ปลาตะเพียน ปลาช่อน เป็นต้น นำมาเคล้ากับเกลือให้เค็มและเกลือแทรกเข้าเนื้อปลาให้ทั่วประมาณครึ่งเดือน นำมาคลุกกับข้าวคั่วให้เข้ากัน จึงนำไปหมักอัดใส่ไหหรือโอ่ง ปิดฝาให้แน่น ใช้ใบยางหรือใบตาดปิด ขัดด้วยไม้ไผ่ และมีฝาครอบอีกชั้นเพื่อป้องกันไข่แมลงวัน หมักไว้นานประมาณ 2 – 3 อาทิตย์ ปลาตัวเล็กตัวน้อยก็กลายเป็น “ปลาร้า” หรือ “ปลาแดก” ตามสำนวนถิ่นอีสานขนานแท้และดั้งเดิม เวลาจะรับประทานก็แบ่งออกทีละน้อย ส่วนที่เหลือก็หมักต่อไปและจะยิ่งอร่อยขึ้น
ถ้าจะให้อร่อยได้กลิ่นและรสชาติแท้ ๆ นั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าต้องสั่งสมและรอคอย ควรจะหมักนานถึงหกเดือนหรือเป็นปีก็ยังได้ ถ้าเป็นปลาตัวใหญ่ เวลานำมาทอด เนื้อจะร่อนและได้กลิ่นปลาร้าแท้ ๆ
ปลาร้าที่ได้นี้มีคุณค่าอาหารไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปลาสด จากงานวิจัยเนื้อปลาร้า 100 กรัม ให้พลังงาน 147 แคลอรี่ ประอบไปด้วยโปรตีน 15.3 กรัม ไขมัน 8 กรัม แคลเซียม 22 กรัม ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม นำมาทำอาหารได้สารพัดชนิด และที่สำคัญต้องทำให้สุกก่อนรับประทาน
ปัจจุบันปลาร้าเป็นอาหารยอดนิยมไม่ใช่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่คนต่างประเทศก็รู้จักและนิยม จนมีคนนำไปแปรรูปเป็นปลาร้าอบแห้งใส่ซองไปขายทั่วโลก
ในฉบับนี้ ครัว H & C ขอเสนอเมนูรสเด็ดจากปลาร้าง่าย ๆ สำหรับคนทีไม่เคยชินกับกลิ่นรส แนะนำว่าควรเริ่มจากเมนูง่าย ๆ เช่น ปลาร้าทอด ก่อน โดยนำปลาร้ามาทอดกับน้ำมันจนสุกเหลือง ยำกับหัวหอม พริก ขี้หนู มะนาว รับประทานกับข้าวร้อน ๆ ปลาร้าทรงเครื่อง ใส่ข่า ตะไคร้ กระชาย หน่อไม้ ถั่วฝักยาว ปลาร้าสับ หลนปลาร้า กินกับผักสด ผักลวกต่าง ๆ ตามชอบ หรือ ต้มหน่อไม้กับปลาร้า ใส่น้ำปลาร้าและปลาย่าง จะไดนำแกงรสจัดเข้มข้นที่ช่วยเจริญอาหารได้อย่างดี
นอกจากนำเนื้อมาทำอาหารแล้ว น้ำปลาร้าก็เป็นเครื่องชูรสได้อย่างอร่อยถึงใจ เพราะไม่ว่าจะตำส้มตำ แกงอ่อม ยำขนุนอ่อน หรือแกงพื้นบ้านอื่น ๆ เพียงใส่ไป 2 -3 ช้อนโต๊ะ ก็ได้รสแซบหลาย
ใครที่ไม่เคยลิ้มรสปลาร้า อาหารไทยพื้นบ้านรสเด็ดที่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งแม้แต่ต่างชาติก็ยังติดใจ ไม่ควรรอช้า เพราะอาจจะพลาดอดกินของ อร่อยที่มาจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของเราเองแท้ ๆ ได้ เริ่มจากเมนูของเราง่าย ๆ นี่แหละค่ะ

2009-01-09

ยำมะระกุ้งสด

ยำมะระกุ้งสด
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
มะระจีนหั่นบาง ๆ 140 กรัม
กุ้งสดลวก 100 กรัม
กระเทียมซอยบาง ๆ 10 กรัม
พริกขี้หนูซอย 2 กรัม ( 3 เม็ด)
น้ำมะนาว 12 กรัม ( 1 ช้อนโต๊ะ)
น้ำปลา 15 กรัม ( 3 ช้อนชา)
น้ำตาลทรายแดง 8 กรัม ( 2 ช้อนชา
ใบสะระแหน่สำหรับแต่งหน้า 3 กรัม ( 5 ใบ)
วิธีทำ
1. หั่นมะระจีนตามขวางให้เป็นเส้นบาง ๆ นำไปคลุกกับเกลือป่น บีบเบา ๆ พอให้น้ำในมะระออก แล้วนำไปล้างน้ำเปล่าให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ปอกเปลือกกุ้งเหลือหางไว้ ผ่าหลังเอาไส้ออก นำไปลวกพอสุก พักไว้
3. ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทรายแดง คนให้เข้ากันและให้น้ำตาลละลาย
4. นำมะระจีนใส่ชามผสมใส่กุ้ง กระเทียมซอยและพริกขี้หนูซอย เคล้าให้เข้ากัน ราดด้วยน้ำยำที่เตรียมไว้เคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง จัดใส่จานโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่

2009-01-08

คุณค่าทางโภชนาการยำมะระกุ้ง

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อ 1 ที
ยำมะระกุ้ง

พลังงาน 84 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 10.0 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 10.1 กรัม
ใยอาหาร 2.4 กรัม
คอเลสเตอรอล 89.0 มิลลิกรัม
ข้าวสวย 1 จาน ( 3 ทัพพี)
พลังงาน 240 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 4.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 54.5 กรัม
ใยอาหาร 0.5 กรัม
ข้าวสวย + ยำมะระ
พลังงาน 324 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 14.1 กรัม
ไขมัน 1.0 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 34.6 กรัม
ใยอาหาร 2.9 กรัม
คอเลสเตอรอล 89.0 มิลลิกรัม
การกระจายพลังงาน (ร้อยละ)
โปรตีน 17.4 กรัม
ไขมัน 2.8 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 79.8 กรัม

2009-01-07

ยำมะระกุ้งสด

ยำมะระกุ้งสด
ยำมะระกุ้งสดเป็นอาหารประเภทยำที่มีวิธีทำที่ง่าย รสชาติอร่อยและมีเครื่องปรุงไม่มากนัก
ก่อนที่จะไปเตรียมเครื่องปรุงจะขอบอกเล่าถึงลักษณะของตัวเอกก่อนคือ มะระจีนนั่นเอง
มะระจีนมีลักษณะของลำต้นคล้ายมะระขี้นก แต่ใบของมะระจีนจะมีขนาดใหญ่และมีสีอ่อนกว่ามะระขี้นก
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ทางยาของมะระ ได้แก่ ใบ ผล เมล็ด ราก
แม้ว่ามะระจะมีรสขมแต่ก็มีประโยชน์ มีสรรพคุณทางยา เช่น ลดไข้เป็นยาระบาย อ่อน ๆ
วิธีที่จะทำให้มะระหายขมลงไปบ้างในการทำยำมะระกุ้งสดจานนี้คือ หั่นมะระเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปคลุกกับเกลือบีบให้น้ำในมะระออกไปบ้างแล้วล้างน้ำ ชิมรสดูถ้ายังไม่หายขมก็ทำซ้ำอีกครั้งจะช่วยลดรสขมลงไปได้
ที่สำคัญอีกอย่างคือต้องขูดเยื่อสีขาวด้านในออกให้หมดก่อนนำมาหั่นเท่านั้น
ส่วนของน้ำยำสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้ ก่อนนำมายำให้แช่มะระให้เย็นก่อนก็จะช่วยเพิ่มความอร่อยได้อีกมากทีเดียว


คุณค่าทางโภชนาการของยำมะระกุ้งสด เมื่อกินกับข้าวสวย 1 จาน ให้พลังงานประมาณ 324 กิโลแคลอรี่ โดยเป็นพลังงานที่มาจากไขมันเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากยำมะระกุ้งสดให้พลังงานค่อยข้างคำและมีไขมันน้อยมาก ส่วนปริมาณโปรตีนจัดว่าให้โปรตีนค่อนข้างดี คือ คิดเป็นร้อยละ 28 ของความต้องการต่อวัน โดยโปรตีนส่วนใหญ่มาจากเนื้อกุ้งจึงเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วน
ยำมะระกุ้งสดพร้อมข้าวสวยตานนิ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักตัว รวมทั้งผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณไขมันในเลือดด้วย ซึ่งถึงจะมีปริมาณคอเลสเตอรอลจากเนื้อกุ้งบ้าง แต่ไม่ถือว่ามากเกินไป (ปริมาณที่แนะนำสำหรับคนทั่วไปคือ น้อยกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน และน้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

นอกจากนี้ เนื่องจากอาหารจานนี้มีปริมาณไขมันต่ำมาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กินไขมันปริมาณมากเกินไปจากอาหารมื้ออื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ปริมาณรวมของการกินไขมันทั้งวันมีความสมดุลขึ้น
ยำมะระกุ้งสดกับข้าวสวยจานนี้ให้ใยอาหารประมาณร้อยละ 12 ของปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน (แนะนำวันละ 25 กรัม) ซึ่งให้ใยอาหารไม่มากนัก แต่สามารถเพิ่มใยอาหารในอาหารมื้อนี้ได้โดยอาจกินข้าวกล้องแทนข้าวสวย (ข้าวขัด) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณใยอาหารจาก 2.9 กรัม เป็น 4.9 กรัม หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

อย่างไรก็ตาม พลังงานที่ได้จากการกินอาหารจานนี้ อาจไม่เพียงพอสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งเราสามารถเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ โดยการกินอาหารอื่นด้วย เช่น กินพร้อมกับข้าวอย่างอื่น เพิ่มผลไม้หลังมื้ออาหาร ขนมสักถ้วย หรือนมสดสักแก้ว เป็นต้น

เคล็ดลับ-ข้อควรระวัง
1. นำมะระไปลวกหรือกินดิบก็ได้แล้วแต่ชอบ ถ้านำไปลวกให้ใส่เกลือลงในน้ำเดือดเล็กน้อยแล้วนำมะระลงไปลวกรีบตักขึ้น นำไปแช่ในน้ำเย็นจัด มะระที่ได้จะกรอบและมีสีเขียวสวย
2. ถ้ากินแบบดินให้นำมะระไปแช่ให้เย็นจัดก่อนนำมายำ จะได้มะระที่กรอบน่ากิน
3. เมื่อคลุกกับน้ำยาแล้วควรกินทันที